
เทคนิคการลงทุนช่วงตลาดขาลง ทำกำไรได้แม้หุ้นร่วง
เมื่อตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วงขาลง นักลงทุนหลายคนอาจรู้สึกกังวลและลังเลที่จะลงทุน เพราะราคาหุ้นปรับตัวลดลงและมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูง อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่มีแผนการลงทุนที่ดี การลงทุนช่วงตลาดหมี หรือช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นโอกาสที่ดีในการสะสมสินทรัพย์ในราคาต่ำ หรือที่เรียกว่า Buy on Dip
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเทคนิคการลงทุนช่วงตลาดขาลง พร้อมแนวทางและข้อควรระวัง เพื่อให้สามารถใช้โอกาสจากภาวะ “ตลาดหมี” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ตลาดขาลง (Bear Market) คืออะไร และเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ?
ตลาดขาลง หรือ ตลาดหมี หมายถึงภาวะที่ราคาหุ้นหรือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุด และยังคงลดลงต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจากการปรับฐานของตลาด (Market Correction) ที่มักลดลงประมาณ 10% และฟื้นตัวได้เร็วกว่า
ตลาดขาลงมักเกิดขึ้นจากปัจจัยสำคัญ เช่น
- ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือการเติบโตของ GDP ชะลอตัว
- อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น
- ความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือปัจจัยภายนอก เช่น สงคราม การแพร่ระบาดของโรค
- การลดลงของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
แม้ตลาดหมีอาจกินเวลานานหลายเดือนหรือหลายปี แต่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นมักฟื้นตัวและสร้างจุดสูงสุดใหม่ในระยะยาวเสมอ
2. ทำไมการลงทุนช่วงตลาดขาลงถึงเป็นโอกาสที่ดี ?
แม้ว่าตลาดขาลงจะทำให้มูลค่าพอร์ตของนักลงทุนลดลง แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน เพราะสามารถซื้อหุ้นหรือกองทุนในราคาที่ถูกลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรเมื่อตลาดฟื้นตัว
ข้อดีของการลงทุนช่วงตลาดขาลง ได้แก่
1. สามารถซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งในราคาถูก
ในช่วงตลาดขาลง หุ้นคุณภาพดีมักถูกขายทิ้งไปพร้อมตลาด ทำให้ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เป็นโอกาสให้นักลงทุนจะได้สะสมหุ้นของบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรสม่ำเสมอ และมีความได้เปรียบในการแข่งขันในราคาที่น่าสนใจ
2. ลดต้นทุนเฉลี่ยของการลงทุนในระยะยาว
การทยอยซื้อหุ้นในช่วงราคาลดลงช่วยลดต้นทุนเฉลี่ยของการลงทุน เช่น หากเดิมซื้อที่ราคา 100 บาท และซื้อเพิ่มที่ 80 บาท จะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยลดลงเหลือ 90 บาท ส่งผลให้มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นเมื่อราคาฟื้นตัว
3. เตรียมพร้อมรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อตลาดกลับมาเติบโต
ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าหลังตลาดขาลงมักมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง การสะสมหุ้นในราคาต่ำจึงเป็นการเตรียมพอร์ตให้พร้อมรับผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติเมื่อตลาดกลับมาเติบโต โดยเฉพาะหุ้นพื้นฐานดีที่มักฟื้นตัวได้เร็วกว่าตลาดโดยรวม

3. วิธีลงทุนช่วงตลาดขาลงอย่างนักลงทุนมืออาชีพ
1. ใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging)
ในช่วงตลาดขาลง การทยอยลงทุนด้วยกลยุทธ์ DCA เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักการคือการแบ่งเงินลงทุนเป็นก้อนเล็ก ๆ และทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดือนละ 1,000 หรือ 5,000 บาท โดยไม่สนใจว่าตลาดจะขึ้นหรือลง วิธีนี้จะช่วยให้เราได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ดี เพราะในช่วงที่ราคาลงจะได้จำนวนหุ้นหรือหน่วยลงทุนมากขึ้น ในทางกลับกันเมื่อราคาขึ้นก็จะได้หน่วยลงทุนที่น้อยลง ทำให้ไม่ต้องกังวลกับการจับจังหวะตลาด
DCA เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับนักลงทุนทั่วไปที่มีรายได้ประจำ เพราะช่วยสร้างวินัยในการลงทุนและลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาดในการจับจังหวะตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากแม้แต่กับนักลงทุนมืออาชีพ การลงทุนแบบ DCA จึงเป็นเทคนิคการลงทุนช่วงตลาดขาลงที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
2. เลือกหุ้นหรือกองทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
การลงทุนช่วงตลาดหมีให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องเลือกลงทุนในหุ้นหรือกองทุนที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยพิจารณาจากฐานะการเงินที่มั่นคง มีหนี้สินต่ำ และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจที่เลือกควรมีความได้เปรียบในการแข่งขัน มีส่วนแบ่งการตลาดสูง และดำเนินธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น
- หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค เช่น พลังงาน น้ำ ไฟฟ้า ที่มีรายได้สม่ำเสมอ
- หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่มักเติบโตได้ดีในระยะยาว
- กองทุนดัชนี (Index Fund) ที่กระจายการลงทุนไปยังหลายบริษัท
3. กระจายความเสี่ยง (Diversification)
การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียวได้ เช่น
- กองทุนรวมตลาดเงิน หรือพันธบัตรรัฐบาล สำหรับรักษาสภาพคล่อง
- ทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มักเติบโตในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน
- อสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนจากค่าเช่า
การลงทุนที่ดีไม่ใช่แค่การซื้อในช่วงตลาดขาขึ้น แต่คือการรู้จักใช้โอกาสในตลาดขาลงให้เป็นประโยชน์ เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในช่วงตลาดขาลง สามารถใช้กลยุทธ์การ DCA หุ้นเพื่อสะสมหุ้นพื้นฐานดีได้
ลงทุนหุ้นแบบ DCA ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในกลุ่มบริษัท PhillipCapital จากสิงคโปร์ ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี มีเครือข่ายใน 5 ทวีป 15 ประเทศทั่วโลก มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ พร้อมมีนักวิเคราะห์ช่วยคัดสรรหุ้นพื้นฐานดีมาให้เลือกลงทุน เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการลงทุนได้ด้วยตนเอง

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
ข้อมูลอ้างอิง
- กลยุทธ์ Buy the Dip โอกาสทำกำไรในตลาดขาลง. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/509-tsi-what-is-buy-the-dip-strategy
- DCA หุ้นในภาวะขาลง. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://stock2morrow.com/article/4841
