Table of Content

บทนำ

QVI: Jitta Ranking (ตอนที่ 2)

Yoyoway

5 min read

  • 21 JUN 2019
  • Table of Content

    บทนำ

    เราลองมาดูกันว่าหุ้นที่ Jitta Ranking เลือกออกมามีลักษณะเป็นยังไงบ้าง และมีความใกล้เคียงหรือแตกต่างจาก Magic Formula อย่างไรบ้าง

    ผมทำการ screen หุ้นในวันที่ 4 มีนา 2016 เพราะฉะนั้นราคาที่เห็นอาจจะไม่ตรงกับวันที่ public บทความนะครับ

    เราเลือกที่จะเรียงหุ้นตามปัจจัยต่างๆได้จาก sort by ซึ่งค่าตั้งต้นก็จะเป็น sort by Jitta Ranking อยู่แล้ว

    ก่อนอื่นมาดูค่าต่างๆที่แสดงอยู่ก่อนนะครับว่าอะไรคืออะไร หลักๆ มีอยู่ 3 อย่าง คือ คะแนน Jitta Score เส้น Jitta Line และ Loss Chance

    Jitta Score นี่จะเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพของหุ้น ยิ่งค่าสูงก็ยิ่งดี คะแนนเต็มคือ 10 โดยปัจจัยต่างๆในการวัดคะแนน เค้าไม่ได้เปิดเผยสูตรนะครับ แต่เท่าที่ผมลองดูก็น่าจะมาจาก การเติบโตในอดีต ผลประกอบการที่เพิ่งออก ความแข็งแกร่งของงบดุล การตอบแทนคืนให้ผู้ถือหุ้น (พวกปันผล หรือซื้อหุ้นคืน การเพิ่มทุน) และความ stable ของอัตราการทำกำไร

    ผมลองดู score ผ่านๆตาของหุ้นหลายๆตัวก็เห็นว่าค่อยข้างน่าเชื่อถือได้นะครับหนึ่ง คือหุ้นตัวไหนที่ผมคิดว่าคุณภาพมันดี score ก็มักจะสูง ส่วนหุ้นตัวไหนที่คุณภาพไม่ค่อยดี score ก็จะต่ำ

    ส่วน Jitta Line ถ้าดูในกราฟที่เป็นเส้นปะก็คือราคาเหมาะสมของหุ้น แต่ถ้าดูที่ค่าตัวเลขก็จะเป็นตัวบอกว่าหุ้นถูกหรือแพงแค่ไหน ถ้า below Jitta Line แสดงว่าถูก (สีเขียว) ยิ่งตัวเลขมากๆก็ยิ่งแสดงว่าถูกมาก ถ้า above ก็คือแพง (สีแดง) ยิ่งค่าสูงก็แสดงว่าแพงมาก เท่าที่ผมดูค่าที่จะมีผลต่อ Jitta Line มากก็คือผลกำไรที่เพิ่งออกมาไม่นาน (ภายใน 1 ปีจะมีผลมาก ส่วนที่ 2-5 ก็ดูจะมีผลน้อยลงไปเรื่อยๆ)

    Jitta Line เป็นค่าที่ผมยังรู้สึกว่ายังมีจุดอ่อนอยู่ คือหุ้นที่มีกำไรพิเศษก็จะมีค่า Jitta Line ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งถ้านับจริงๆจุดอ่อนตรงนี้ก็จะคล้ายๆกับ Magic Formula และสูตรการลงทุนแนว QVI ส่วนใหญ่อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเราดูโดยรวมทั้งตัวแปรเชิงคุณภาพ (score หรือ roc ในกรณี MF) ตัวแปรความถูกแพง (line หรือ earning yield ในกรณีของ Magic Formula)

    จะเห็นว่ากรณีของ Magic Formula กำไรในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้นจะมีผลกับทั้งตัวแปรคุณภาพและตัวแปรความถูกแพง แต่ในกรณีของ Jitta นั้น กำไรในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้นจะมีผลกับตัวแปรความถูกแพงเป็นหลัก ส่วน score นั้นจะกระทบจากกำไรช่วง 1 ปีที่ผ่านมาน้อยกว่ามาก

    ส่วนค่า Loss Chance นั้นไว้โอกาสหน้าค่อยมาเล่นให้ฟังครับ

    ทีนี้เรามองลองไล่ดูหุ้นเรียงตัวไปเลยนะครับ

    1. PS ได้ score 8.25 ซึ่งถือว่าเป็นค่าที่สูงมาก (หุ้นไทยที่ score เกิน 8 นี่ปัจจุบันมี ps แค่ตัวเดียวเท่านั้น) และต่ำกว่ามูลค่าอยู่ 60% ตัวนี้ถ้าจำได้จะเห็นว่าติด screen MF ด้วยเหมือนกัน ก็ด้วยเหตุผลคล้ายๆกัน คือนักลงทุนให้ค่ากับหุ้นอสังหาโดยรวมต่ำมาก แม้ว่าผลงานของหุ้นอสังหาชั้นหลายตัวจะทำผลงานได้ดีมากๆ

    2. THANI score 6.45 ต่ำกว่ามูลค่า 41% ตัวนี้ดูจากงบรายไตรมาสจากรูปข้างล่างแล้วก็จะเห็นว่ารายได้และกำไรก็โตในระดับปกติ ไม่น่าจะมีเหตุการณ์พิเศษอะไรที่ทำให้หุ้นดูถูก (รูปข้างล่างนี้กดดูจาก tab factsheet แล้ว scroll ลงมาดูข้างล่างซ้ายนะครับ)

    3. JAS score 6.13 ต่ำกว่ามูลค่า 367% อันนี้ผมให้เป็นข้อสังเกตุเลยนะครับ ถ้าเมื่อไหร่เจอหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าเกิน 100% ขึ้นไป โอกาสสูงมากที่จะเป็นหุ้นที่มีกำไรพิเศษ ควรเข้าไปดูงบรายไตรมาสย้อนหลังทันที ซึ่งเคสนี้ก็ชัดเจน ว่ารายได้และกำไรโดดมากในไตรมาส 1 ปี 2015 หุ้น jas เลยติดมาทั้ง screen Jitta และ MF

    4. HEMRAJ score 6.85 ต่ำกว่ามูลค่า 76% ผมเข้าไปดูตัวเลขรายได้และกำไรก็ไม่น่าจะมีรายการพิเศษอะไร ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้างอะไรกับเรื่องที่จะโดน tender ออกไปโดย wha รึเปล่า ผมไม่ได้ตามเรื่องราวมันซักเท่าไหร่

    5. KTC score 5.4 ต่ำกว่ามูลค่า 35% ตัวนี้ตั้งแต่เปลี่ยนผู้บริหารก็มีพัฒนาการในเรื่องกำไรมาโดยตลอด ผมยังไม่เห็นว่ามันมีรายได้หรือกำไรพิเศษอะไรนะครับ ข้อสังเกตุอีกอย่างคือ Jitta นั้นไม่ได้ตัดหุ้นการเงินออกเหมือนกับ MF

    6. HFT score 6.85 ต่ำกว่ามูลค่า 75% ตัวนี้ติด MF อย่างที่เคยบอกว่าอาจจะด้วยเพราะราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ margin ดีขึ้นเป็นพิเศษ ผมจัดให้เป็นหุ้นกำไรพิเศษครับ


    เพิ่มเติมจากทีมบรรณาธิการ

    ข้อความนี้เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2016 ดังนั้นอาจจะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่ได้อัพเดท เช่น เรื่องการตัดกำไรพิเศษออกจากการคำนวณ เพราะปัจจุบันนี้ Jitta ได้พัฒนาอัลกอริธึมซึ่งสามารถตัดกำไรพิเศษออกจากการคำนวณ Jitta Score และ Jitta Line ได้แล้ว

    ลงทะเบียนรับความรู้การลงทุน passive

    รับความรู้การลงทุน passive ฟรี เพื่อเริ่มลงทุนอย่างสบายใจ กำไรอย่างยั่งยืน

    Contributor