Table of Content

บทนำ

‘หุ้นบลูชิพ’ หุ้นที่นักลงทุนระยะยาวควรรู้

Phillip

1 min read

  • 8 SEP 2025
  • Table of Content

    บทนำ

    หุ้น Blue Chip คืออะไร ?

    หุ้นบลูชิพ (Blue Chip) หมายถึงหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน มีฐานลูกค้าเหนียวแน่น และมีมูลค่าตลาดสูงระดับหลายพันล้านดอลลาร์ หุ้นประเภทนี้ได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่ต้องการพอร์ตการลงทุนที่มีเสถียรภาพ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว บริษัทบลูชิพมักมีงบดุลที่แข็งแกร่ง กระแสเงินสดมั่นคง และสามารถฟื้นตัวได้ดีแม้ในช่วงที่ตลาดผันผวน

    คำว่า “Blue Chip” มีที่มาจากเกมโป๊กเกอร์ ซึ่งชิปที่ใช้แทนเงินสดจะแบ่งเป็นสามสี ได้แก่ ขาว แดง และน้ำเงิน โดยชิปสีน้ำเงินมีมูลค่าสูงสุด ในอดีต คำนี้ถูกใช้เพื่ออ้างถึงหุ้นที่มีราคาสูงที่สุดในตลาด แต่ปัจจุบัน “หุ้นบลูชิพ” ใช้เพื่อสะท้อนถึงคุณภาพและความมั่นคงของบริษัทมากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว

    • หุ้น Blue Chip คือหุ้นของบริษัทที่มีความมั่นคงสูง ดำเนินธุรกิจมายาวนาน และมีฐานลูกค้าต่อเนื่อง
       
    • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพอร์ตการลงทุนที่สมดุล
       
    • มีงบดุลและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
       
    • หุ้น Blue Chip ยังเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องดีเยี่ยมอีกด้วย

    หุ้นบลูชิพจึงถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาความมั่นคงและโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน

    ลักษณะโดยรวมของหุ้น Blue-chip

    • ได้รับผลตอบแทนเงินปันผล

      หุ้นบลูชิพมีชื่อเสียงในด้านการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ โดยส่วนใหญ่จะมีการจ่ายปันผลเป็นรายไตรมาส ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้แบบ Passive Income จากการถือครองหุ้นในระยะยาว การจ่ายปันผลของหุ้นบลูชิพมักมาจากกำไรที่บริษัทสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจมีความมั่นคง และดำเนินกิจการในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการของตลาดสูง
       
    • ความน่าเชื่อถือ

      หนึ่งในเหตุผลที่หุ้น Blue Chip ได้รับความนิยมคือความน่าเชื่อถือของบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง โดยหุ้นเหล่านี้มักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนาน มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในตลาด และมีฐานลูกค้ากว้างขวาง
       
    • ปัจจัยเสี่ยง

      เมื่อเทียบกับหุ้นประเภทอื่น หุ้น Blue Chip มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง มีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดี และมีความสามารถในการรับมือกับความผันผวนของตลาด อีกทั้งยังมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ทำให้นักลงทุนสามารถเข้า-ออกจากการลงทุนได้ง่าย
       
    • ระยะเวลาการลงทุน

      การลงทุนในหุ้นหุ้นบลูชิพจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดเมื่อถือครองในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลงทุนเป็นระยะเวลา 7 ปีขึ้นไป
       
    • ศักยภาพในการเติบโต

      แม้ว่าบริษัทบลูชิพจะมีความมั่นคงสูง แต่ส่วนใหญ่ได้ผ่านช่วงการเติบโตที่รวดเร็วมาแล้ว ทำให้โอกาสในการขยายตัวของรายได้และกำไรอาจช้ากว่าหุ้นที่ยังอยู่ในช่วงเติบโต หุ้นบลูชิพมักอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันน้อย และมีส่วนแบ่งตลาดที่มั่นคง ทำให้การเติบโตของรายได้เป็นไปในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป

       

    ตัวอย่างบริษัท Blue-chip ชั้นนำจากทั่วโลกที่คนไทยคุ้นเคย



    สหรัฐอเมริกา (USA)

    • 3M – บริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่พัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น เทปกาว หน้ากากกันฝุ่น และวัสดุอุตสาหกรรม

       
    • VISA – บริษัทผู้ให้บริการชำระเงินระดับโลกที่ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิตและเดบิต ครอบคลุมหลายล้านร้านค้าทั่วโลก

       
    • Walt Disney – บริษัทบันเทิงระดับโลกที่มีธุรกิจครอบคลุมสตูดิโอภาพยนตร์ รีสอร์ต สวนสนุก และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Disney+
       

    สหราชอาณาจักร (UK)

    • Unilever – บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำหน่ายแบรนด์ชั้นนำ เช่น Dove, Sunsilk, Lipton และ Magnum
       
    • Shell – บริษัทพลังงานข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน
       
    • HSBC Holdings – หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้บริการทางการเงินและธนาคารระดับสากล

       

    เยอรมนี (Germany)

    • Bayer – บริษัทยาและเคมีภัณฑ์ที่มีผลิตภัณฑ์โดดเด่น เช่น ยารักษาโรคและสารกำจัดศัตรูพืช
       
    • Adidas – แบรนด์กีฬาชั้นนำที่ผลิตรองเท้า เสื้อผ้า และอุปกรณ์กีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
       
    • Mercedes-Benz – ผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและนวัตกรรม

    ญี่ปุ่น  (Japan)

    • Mitsubishi Electric – บริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ และอุปกรณ์อุตสาหกรรม
       
    • Aeon – เครือข่ายห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่ให้บริการในหลายประเทศเอเชีย รวมถึงไทย
       
    • Secom – บริษัทผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยทั้งในภาคธุรกิจและที่พักอาศัย

    สิงคโปร์ (Singapore)

    • United Overseas Bank (UOB) – ธนาคารพาณิชย์ที่มีเครือข่ายธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก ให้บริการทางการเงินหลากหลายประเภท
       
    • CapitaLand – บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการระดับพรีเมียมทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และที่พักอาศัย
       
    • Singapore Airlines – สายการบินแห่งชาติของสิงคโปร์ที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพการให้บริการระดับโลก

    แคนาดา (Canada)

    • Telus – บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำของแคนาดาที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ และโทรทัศน์
       
    • George Weston – กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นเจ้าของแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่
       
    • Royal Bank – ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา ให้บริการด้านการเงินและสินเชื่อครบวงจร

    ฝรั่งเศส (France)

    • L’Oreal – บริษัทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดัง เช่น Maybelline, Lancôme และ Kérastase
       
    • Michelin – ผู้ผลิตยางรถยนต์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์
       
    • Essilor – บริษัทผลิตเลนส์สายตาและแว่นตาคุณภาพสูง เช่น เลนส์แว่นตา Essilor และ Crizal

    ฮ่องกง (Hong kong)

    • HSBC – กลุ่มธนาคารระหว่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน แต่มีฐานธุรกิจแข็งแกร่งในเอเชีย
       
    • Henderson Land – บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการคอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ และที่อยู่อาศัยในฮ่องกง
       
    • MTR – ผู้ให้บริการระบบขนส่งมวลชนหลักของฮ่องกง ซึ่งรวมถึงรถไฟใต้ดินและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

    มาเลเซีย (Malaysia)

    • Maybank – ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย ให้บริการสินเชื่อและการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
       
    • Pchem (Petronas Chemicals Group) – บริษัทปิโตรเคมีรายใหญ่ในเครือ Petronas ที่ผลิตสารเคมีเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
       
    • Sime Darby – กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ดำเนินกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม และยานยนต์

    เวียดนาม (Vietnam)

    • Vietinbank – ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม ให้บริการด้านการเงินและสินเชื่อแก่ลูกค้าธุรกิจและรายย่อย
       
    • Vinamilk – บริษัทผลิตภัณฑ์นมที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีแบรนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วทั้งเอเชีย
       
    • Vinhomes JSC – บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือ Vingroup ที่พัฒนาโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม

    ออสเตรเลีย (Australia)

    • Wesfarmers – กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอุตสาหกรรมที่เป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าปลีกชั้นนำ เช่น Bunnings และ Kmart Australia
       
    • Broken Hill Proprietary (BHP) – บริษัทเหมืองแร่และทรัพยากรธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย
       
    • Westpac Banking – ธนาคารพาณิชย์ที่เก่าแก่ที่สุดของออสเตรเลีย ให้บริการสินเชื่อและการเงินระดับสากล

    ทางเลือกเพิ่มเติม สำหรับลงทุนบริษัท Blue-chip

    สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นบลูชิพด้วยวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด แนะนำลงทุนผ่าน ETF ที่ลงทุนอิงดัชนีใหญ่ อย่าง S&P 500 และ Dow Jones Industrial Average เนื่องจากบริษัทที่จะผ่านเกณฑ์คัดเลือกเข้าดัชนีได้ส่วนใหญ่ต้องเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มั่นคง มีศักยภาพเติบโตระยะยาว

    สนใจลงทุนหุ้นบลูชิพในตลาดหุ้นต่างประเทศ สามารถใช้บริการ Phillip Global Markets โดยจุดเด่นคือเรามีบริการ Support 24 ช.ม. โดยเจ้าหน้าที่คนไทย


     

    ข้อมูลอ้างอิง:

    https://www.cmcmarkets.com/en/trading-guides/blue-chip-stocks
    https://groww.in/p/blue-chip-stocks

    TAGS: