หุ้น Blue Chip คืออะไร ?
หุ้นบลูชิพ (Blue Chip) หมายถึงหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน มีฐานลูกค้าเหนียวแน่น และมีมูลค่าตลาดสูงระดับหลายพันล้านดอลลาร์ หุ้นประเภทนี้ได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่ต้องการพอร์ตการลงทุนที่มีเสถียรภาพ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว บริษัทบลูชิพมักมีงบดุลที่แข็งแกร่ง กระแสเงินสดมั่นคง และสามารถฟื้นตัวได้ดีแม้ในช่วงที่ตลาดผันผวน
คำว่า “Blue Chip” มีที่มาจากเกมโป๊กเกอร์ ซึ่งชิปที่ใช้แทนเงินสดจะแบ่งเป็นสามสี ได้แก่ ขาว แดง และน้ำเงิน โดยชิปสีน้ำเงินมีมูลค่าสูงสุด ในอดีต คำนี้ถูกใช้เพื่ออ้างถึงหุ้นที่มีราคาสูงที่สุดในตลาด แต่ปัจจุบัน “หุ้นบลูชิพ” ใช้เพื่อสะท้อนถึงคุณภาพและความมั่นคงของบริษัทมากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว
- หุ้น Blue Chip คือหุ้นของบริษัทที่มีความมั่นคงสูง ดำเนินธุรกิจมายาวนาน และมีฐานลูกค้าต่อเนื่อง
- เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพอร์ตการลงทุนที่สมดุล
- มีงบดุลและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
- หุ้น Blue Chip ยังเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องดีเยี่ยมอีกด้วย
หุ้นบลูชิพจึงถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาความมั่นคงและโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน
ลักษณะโดยรวมของหุ้น Blue-chip
- ได้รับผลตอบแทนเงินปันผล
หุ้นบลูชิพมีชื่อเสียงในด้านการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ โดยส่วนใหญ่จะมีการจ่ายปันผลเป็นรายไตรมาส ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้แบบ Passive Income จากการถือครองหุ้นในระยะยาว การจ่ายปันผลของหุ้นบลูชิพมักมาจากกำไรที่บริษัทสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธุรกิจมีความมั่นคง และดำเนินกิจการในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการของตลาดสูง
- ความน่าเชื่อถือ
หนึ่งในเหตุผลที่หุ้น Blue Chip ได้รับความนิยมคือความน่าเชื่อถือของบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง โดยหุ้นเหล่านี้มักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนาน มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในตลาด และมีฐานลูกค้ากว้างขวาง
- ปัจจัยเสี่ยง
เมื่อเทียบกับหุ้นประเภทอื่น หุ้น Blue Chip มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง มีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดี และมีความสามารถในการรับมือกับความผันผวนของตลาด อีกทั้งยังมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ทำให้นักลงทุนสามารถเข้า-ออกจากการลงทุนได้ง่าย
- ระยะเวลาการลงทุน
การลงทุนในหุ้นหุ้นบลูชิพจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดเมื่อถือครองในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลงทุนเป็นระยะเวลา 7 ปีขึ้นไป
- ศักยภาพในการเติบโต
แม้ว่าบริษัทบลูชิพจะมีความมั่นคงสูง แต่ส่วนใหญ่ได้ผ่านช่วงการเติบโตที่รวดเร็วมาแล้ว ทำให้โอกาสในการขยายตัวของรายได้และกำไรอาจช้ากว่าหุ้นที่ยังอยู่ในช่วงเติบโต หุ้นบลูชิพมักอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันน้อย และมีส่วนแบ่งตลาดที่มั่นคง ทำให้การเติบโตของรายได้เป็นไปในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป
ตัวอย่างบริษัท Blue-chip ชั้นนำจากทั่วโลกที่คนไทยคุ้นเคย
สหรัฐอเมริกา (USA)
- 3M – บริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่พัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น เทปกาว หน้ากากกันฝุ่น และวัสดุอุตสาหกรรม
- VISA – บริษัทผู้ให้บริการชำระเงินระดับโลกที่ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิตและเดบิต ครอบคลุมหลายล้านร้านค้าทั่วโลก
- Walt Disney – บริษัทบันเทิงระดับโลกที่มีธุรกิจครอบคลุมสตูดิโอภาพยนตร์ รีสอร์ต สวนสนุก และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Disney+
สหราชอาณาจักร (UK)
- Unilever – บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำหน่ายแบรนด์ชั้นนำ เช่น Dove, Sunsilk, Lipton และ Magnum
- Shell – บริษัทพลังงานข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน
- HSBC Holdings – หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้บริการทางการเงินและธนาคารระดับสากล
เยอรมนี (Germany)
- Bayer – บริษัทยาและเคมีภัณฑ์ที่มีผลิตภัณฑ์โดดเด่น เช่น ยารักษาโรคและสารกำจัดศัตรูพืช
- Adidas – แบรนด์กีฬาชั้นนำที่ผลิตรองเท้า เสื้อผ้า และอุปกรณ์กีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
- Mercedes-Benz – ผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและนวัตกรรม
ญี่ปุ่น (Japan)
- Mitsubishi Electric – บริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ และอุปกรณ์อุตสาหกรรม
- Aeon – เครือข่ายห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่ให้บริการในหลายประเทศเอเชีย รวมถึงไทย
- Secom – บริษัทผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยทั้งในภาคธุรกิจและที่พักอาศัย
สิงคโปร์ (Singapore)
- United Overseas Bank (UOB) – ธนาคารพาณิชย์ที่มีเครือข่ายธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก ให้บริการทางการเงินหลากหลายประเภท
- CapitaLand – บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการระดับพรีเมียมทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และที่พักอาศัย
- Singapore Airlines – สายการบินแห่งชาติของสิงคโปร์ที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพการให้บริการระดับโลก
แคนาดา (Canada)
- Telus – บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำของแคนาดาที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ และโทรทัศน์
- George Weston – กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นเจ้าของแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่
- Royal Bank – ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา ให้บริการด้านการเงินและสินเชื่อครบวงจร
ฝรั่งเศส (France)
- L’Oreal – บริษัทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นนำที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดัง เช่น Maybelline, Lancôme และ Kérastase
- Michelin – ผู้ผลิตยางรถยนต์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์
- Essilor – บริษัทผลิตเลนส์สายตาและแว่นตาคุณภาพสูง เช่น เลนส์แว่นตา Essilor และ Crizal
ฮ่องกง (Hong kong)
- HSBC – กลุ่มธนาคารระหว่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน แต่มีฐานธุรกิจแข็งแกร่งในเอเชีย
- Henderson Land – บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการคอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ และที่อยู่อาศัยในฮ่องกง
- MTR – ผู้ให้บริการระบบขนส่งมวลชนหลักของฮ่องกง ซึ่งรวมถึงรถไฟใต้ดินและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
มาเลเซีย (Malaysia)
- Maybank – ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย ให้บริการสินเชื่อและการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- Pchem (Petronas Chemicals Group) – บริษัทปิโตรเคมีรายใหญ่ในเครือ Petronas ที่ผลิตสารเคมีเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
- Sime Darby – กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ดำเนินกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม และยานยนต์
เวียดนาม (Vietnam)
- Vietinbank – ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม ให้บริการด้านการเงินและสินเชื่อแก่ลูกค้าธุรกิจและรายย่อย
- Vinamilk – บริษัทผลิตภัณฑ์นมที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีแบรนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วทั้งเอเชีย
- Vinhomes JSC – บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือ Vingroup ที่พัฒนาโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม
ออสเตรเลีย (Australia)
- Wesfarmers – กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอุตสาหกรรมที่เป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าปลีกชั้นนำ เช่น Bunnings และ Kmart Australia
- Broken Hill Proprietary (BHP) – บริษัทเหมืองแร่และทรัพยากรธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย
- Westpac Banking – ธนาคารพาณิชย์ที่เก่าแก่ที่สุดของออสเตรเลีย ให้บริการสินเชื่อและการเงินระดับสากล
ทางเลือกเพิ่มเติม สำหรับลงทุนบริษัท Blue-chip
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นบลูชิพด้วยวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด แนะนำลงทุนผ่าน ETF ที่ลงทุนอิงดัชนีใหญ่ อย่าง S&P 500 และ Dow Jones Industrial Average เนื่องจากบริษัทที่จะผ่านเกณฑ์คัดเลือกเข้าดัชนีได้ส่วนใหญ่ต้องเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มั่นคง มีศักยภาพเติบโตระยะยาว
สนใจลงทุนหุ้นบลูชิพในตลาดหุ้นต่างประเทศ สามารถใช้บริการ Phillip Global Markets โดยจุดเด่นคือเรามีบริการ Support 24 ช.ม. โดยเจ้าหน้าที่คนไทย
ข้อมูลอ้างอิง:
https://www.cmcmarkets.com/en/trading-guides/blue-chip-stocks
https://groww.in/p/blue-chip-stocks
