Table of Content

บทนำ

เปิดโพย 4 กองทุน S&P 500 ETF ผลงานเด่นตลอดกาล

Teerapon Rakphoo

5 min read

  • 8 SEP 2023
  • Table of Content

    บทนำ

    ปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจเรื่องการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับการลงทุนเองก็เข้าถึงง่าย เพราะเครื่องมือการลงทุนต่างๆ ถูกพัฒนาอย่างหลากหลาย ทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา  แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน แนวทางการลงทุนสุดคลาสสิกและเรียบง่ายอย่าง ‘การลงทุนเชิงรับ’ (Passive Investment) การลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ ที่มีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม มีการซื้อขายน้อยครั้งและค่าธรรมเนียมต่ำ ก็ยังคงอยู่คู่ตลาดและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

    แล้วถ้าคุณสนใจอยากจะลงทุนเชิงรับ คุณก็สามารถเริ่มลงทุนได้ เพียงเลือกสินทรัพย์ที่ลงทุนอิงดัชนีและมีค่าธรรมเนียมต่ำ คุณอาจจะเริ่มด้วยกองทุนยอดนิยมที่ไม่เคยตกเทรนด์อย่าง S&P500 ETF ก็ได้เช่นกัน 

    S&P 500 ETF คืออะไร

    ก่อนอื่นเรามาย้อนทำความเข้าใจกันสักเล็กน้อย 

    ETF หรือ Exchange Traded Funds คือ กองทุนที่มีนโยบายลงทุนตามดัชนีต่างๆ เพื่อทำผลตอบแทนให้ใกล้เคียงการเคลื่อนไหวของดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด โดยสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดได้เหมือนหุ้น ทำให้กลายเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในหมู่นักลงทุนเชิงรับ (Passive Investment)

    S&P 500 หรือ Standard & Poor’s 500 เป็นดัชนีที่ประกอบไปด้วยบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 500 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมกว่า 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 

    S&P 500 ETF จึงหมายถึง กองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง S&P500 เรียกว่าเป็น ETF ตัวชี้วัดเศรษฐกิจโลกเลยก็ว่าได้ และไม่แปลกใจที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ และเป็นหนึ่งใน ETF ที่นักลงทุนหลายคนมีติดพอร์ตเอาไว้

    ไม่เว้นแม้แต่ปรมาจารย์ด้านการลงทุนเชิงรับ (Passive Investment) อย่าง Warren Buffett ก็ชื่นชอบการลงทุนใน Index Fund โดยเฉพาะในดัชนี S&P 500 หากคุณอยากรู้ว่า ETF กองไหนที่ ปู่ Buffett เลือกมาไว้ในพอร์ต Berkshire Hathaway สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ บทความ เจาะกองทุน S&P 500 ETF ที่ Buffett แนะนำทุกคนให้ลงทุน

    นอกจาก ETF กองที่ปู่ Buffett แนะนำ ปัจจุบันมี ETF มากมายที่มีนโยบายการลงทุนโดยอ้างอิงดัชนี S&P 500 โดยแต่ละ ETF มีความแตกต่างในด้านการบริหารจัดการและการคัดเลือกหุ้นที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งเราจะมาแนะนำ 4 กองทุน S&P 500 ETF ที่อยู่เหนือกาลเวลา ที่เปิดมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี แต่ยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ไว้ให้คุณได้เลือกชอปปิงเข้าพอร์ตลงทุนของคุณ 

    เกณฑ์สำคัญควรรู้ ก่อนเลือกลงทุนใน ETF

    1. ดัชนีที่ใช้อ้างอิง 

    ดัชนีคือส่วนหนึ่งของตลาดหุ้น ยกตัวอย่างเช่น ดัชนี S&P500 เป็นหนึ่งในดัชนีที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฉะนั้นก่อนที่คุณจะเลือกลงทุนใน ETF สักกอง คุณควรรู้ก่อนว่าคุณอยากลงทุนในดัชนีอะไร หรือมีความสนใจในอุตสาหกรรมใดเป็นพิเศษหรือไม่ เพื่อที่คุณจะสามารถตีกรอบหาดัชนีที่คุณต้องการได้ ก่อนที่คุณจะเลือก ETF ที่อ้างอิงมาจากดัชนีนั้นๆ ซึ่งจะแสดงให้เห็นอยู่ในชื่อของ ETF อยู่แล้ว 

    1. ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีที่อ้างอิง

    เมื่อคุณเลือกได้แล้วว่าจะลงทุนใน ETF ที่อ้างอิงดัชนีอะไร ก็ต้องมาดูต่อว่า ควรจะลงทุนใน ETF กองไหน เพราะแต่ละดัชนีก็มี ETF ที่อ้างอิงอยู่หลายกองเช่นกัน ดังนั้นสิ่งต่อมาที่เราจะใช้พิจารณาคัดเลือก นั้นก็คือ ผลตอบแทน ไม่ใช่ว่าผลตอบแทนจะต้องทำกำไรได้มากมาย แต่จะต้องทำได้ใกล้เคียงกับดัชนีที่ใช้อ้างอิง เพราะแม้ว่าจะทำผลตอบแทนได้เยอะ แต่ไม่ใกล้เคียงดัชนี ก็ถือเป็นความเสี่ยงอย่างนึงเช่นเดียวกัน

    1. สภาพคล่องสูง

    สภาพคล่องสูง คือ ถ้าวันนึงคุณไม่ต้องการ ก็ยังคงมีคนอื่นที่สนใจ ทำให้บริหารจัดการพอร์ตได้สะดวก ซึ่งสามารถดูได้ จากจำนวน AUM (Asset Under Management) ยิ่ง AUM สูงยิ่งแสดงให้เห็นว่า ETF ตัวนั้นมีคนเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก นอกจากจำนวน AUM แล้ว การมีปริมาณการซื้อขายต่อวันที่สูง และช่องว่างระหว่างราคาเสนอซื้อกับเสนอขายที่ต่ำ ก็สามารถสะท้อนให้เห็นได้ว่า ETF ตัวนั้นเป็นที่ต้องการมากแค่ไหน

    1. ค่าธรรมเนียม

    โดยพื้นฐานของ กองทุน ETF จะเป็นการลงทุนแบบ Passive fund ที่เน้นทำผลตอบแทนล้อไปตามดัชนีตลาด ค่าธรรมก็จะต่ำกว่าการลงทุนแบบ Active fund ที่พยายามเอาชนะตลาดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ETF แต่ละกองก็จะมี อัตราค่าใช้จ่ายรวม (Expense Ratio) ที่แตกต่างกัน ยิ่งกองไหนมี Expense Ratio ต่ำ ก็จะยิ่งทำให้คุณได้ผลตอบแทนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

    1. ระยะเวลา

    แม้ผลตอบแทนในอดีตจะไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ แต่ก็สามารถดูได้ว่า ETF กองนั้นบริหารเป็นยังไง ยิ่งเปิดตัวมานาน ก็แสดงให้เห็นว่าผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาแบบไหน ผลตอบแทนในช่วงนั้นเป็นอย่างไร เราก็สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ละเอียดยิ่งขึ้นด้วย

    S&P 500 ETF ที่มีชัยมากว่า 20 ปี

    มีกองทุน ETF กว่า 800 กองที่ลงทุนล้อไปกับดัชนี S&P500 แต่วันนี้เราจะมาแนะนำ 4 กองทุน S&P500 ETF ที่มีพื้นฐานที่ดี และเปิดตัวมานานกว่า 20 ปี แต่ก็ยังคงทำผลงานได้ดี และเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน

    SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY)

    • ชื่อ ETF : SPY
    • วันที่เปิดตัว : 22 มกราคม 2536 (30ปี)
    • อัตราค่าใช้จ่ายรวม : 0.095%
    • มูลค่า AUM : 413,148 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    • ผลตอบแทน Year to date : 20.55%

    (ข้อมูล ณ วันที่ 5 กันยายน 2566)

    ETF ตัวแรกที่หยิบยกขึ้นมาจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก SPY ซึ่งเป็น ETF กองแรกที่เปิดตัวในสหรัฐ ตั้งแต่ปี 2536 เป็นระยะเวลากว่า 30 ปี ซึ่ง SPY ก็ยังคงทำผลงานได้ดีตลอดมา จนปัจจุบันก็ยังคงเป็น ETF ที่มี AUM มากที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากที่สุด อยู่ที่ราว 39,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แค่นั้นยังไม่พอ SPY ยังเป็น ETF หนึ่งในสองกองที่ถูกเลือกเข้าพอร์ต Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett อีกด้วย

    iShares Core S&P 500 ETF (IVV)

    • ชื่อ ETF : IVV
    • วันที่เปิดตัว : 15 พฤษภาคม 2543 (23ปี)
    • อัตราค่าใช้จ่ายรวม : 0.03%
    • มูลค่า AUM : 352,055 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    • ผลตอบแทน Year to date : 18.44%

    (ข้อมูล ณ วันที่ 5 กันยายน 2566)

    IVV ถือเป็นกองทุน ETF ที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก SPY โดยจุดเด่นคือ อัตราค่าใช้จ่ายรวมที่ถูกมาก เมื่อเทียบกับกองอื่นๆ ที่เราหยิบยกขึ้นมา โดย IVV เปิดมากว่า 23 ปี ผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมามากมายเช่นกัน แต่ปัจจุบันก็ยังคงสามารถทำผลงานได้ดี และด้วยข้อได้เปรียบเรื่องค่าธรรมเนียม จึงทำให้ IVV เป็นที่สนใจของใครหลายๆ คน 

    iShares S&P 500 Growth ETF (IVW)

    • ชื่อ ETF : IVW
    • วันที่เปิดตัว : 22 พฤษภาคม 2543 (23ปี)
    • อัตราค่าใช้จ่ายรวม : 0.18%
    • มูลค่า AUM : 35,895 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    • ผลตอบแทน Year to date : 24.15%

    (ข้อมูล ณ วันที่ 5 กันยายน 2566)

    IVW เปิดตัวตามหลัง IVW เพียงไม่กี่วัน โดยเป็นการลงทุนในสินทรัพย์คล้ายๆ กัน แตกต่างกันที่นโยบายการลงทุนและการบริหารจัดการ โดย IVW จะเน้นลงทุนไปที่หุ้นกลุ่มเติบโตมากขึ้น แม้ปลายทางจะเป็นการทำผลตอบแทนให้ใกล้เคียงดัชนี แต่การเคลื่อนไหวของผลตอบแทนจะมีการเปลี่ยนแปลงขยับขึ้นลงมากกว่า แต่ก็พ่วงมาด้วยค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า IVV อยากไรก็ตาม IVW ก็ยังคงมีข้อได้เปรียบในเรื่องของราคาที่ถูก ทำให้กลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนไม่น้อย

    Invesco S&P 500 Equal Weight ETF (RSP)

    • ชื่อ ETF : RSP
    • วันที่เปิดตัว : 24 เมษายน 2546 (20ปี)
    • อัตราค่าใช้จ่ายรวม : 0.20%
    • มูลค่า AUM : 41,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    • ผลตอบแทน Year to date : 5.36%

    (ข้อมูล ณ วันที่ 5 กันยายน 2566)

    RSP เป็นอีกหนึ่งกองทุน ETF ที่เปิดตัวมานานตั้งแต่ ปี 2546 โดยเน้นการเติบโตเป็นหลัก ความน่าสนใจของ RSP ก็คือ การคัดเลือกสินทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุน จะมีการแบ่งสัดส่วนที่เท่าๆ กัน เฉลี่ยอยู่ที่ 0.20% ของแต่ละสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่ใน ETF ซึ่ง ETF กองอื่นๆ ส่วนใหญ่จะมีนโยบายที่ลงทุนในหุ้นแต่ละตัวโดยให้น้ำหนักไม่เท่ากัน โดยการถือหุ้นบางตัวในสัดส่วนที่สูง ทำให้การกระจ่ายความเสี่ยงและบริหารจัดการของ RSP ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ซึ่งก็แลกมาด้วยค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น 

    ETF ทั้ง 4 กองที่เราหยิบยกมาแนะนำให้คุณ ล้วนแล้วแต่เป็น ETF ที่อ้างอิงดัชนี S&P500 ที่เรียกได้ว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่ง ETF ทั้ง 4 กองนั้นล้วนพิสูจน์ตัวเองด้วยระยะเวลากว่า 20 ปี ที่พอจะทำให้อุ่นใจได้ว่า มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเผชิญอุปสรรคหรือวิกฤตใดๆ ก็ตาม

    แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลที่คุณสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจ การลงทุนในปัจจุบันยังมีสินทรัพย์การลงทุนดีๆ ETF ดีๆ ที่แข่งกันสร้างผลงานอีกมากมายให้เลือกสรรค์

    อดีตผู้แนะนำการลงทุนที่ผันตัวมาเป็นนักเขียน