Passive Way Story ซีรีส์แรก Episode 04 จะนำคุณไปรู้จักกับ John C. Bogle ผู้ก่อตั้ง Vanguard Group ผู้ริเริ่มการลงทุนแบบ Passive กองทุนเชิงรับ (Passive Fund) ที่เก็บค่าธรรมเนียมต่ำ และมีกลยุทธ์การลงทุนที่เรียบง่าย แต่สร้างความมั่งคั่งให้กับนักลงทุนหลายล้านคนบนโลกนี้
แต่ด้วยความเรียบง่ายและผลตอบแทนที่จะอิงตามดัชนี ทำให้ในช่วงแรกของการก่อตั้ง Vanguard และการสร้างกองทุนเชิงรับ (Passive Fund) ขึ้นมาเป็นไปอย่างยากลำบาก Bogle ถูกดูถูกมากมาย เพราะไม่มีใครที่ต้องการผลตอบแทน ‘เท่ากับตลาด’ แต่มักจะหากองทุนเชิงรุก (Active Fund) ที่ทำผลตอบแทน ‘เหนือกว่าตลาด’ อยู่เสมอ
ความเชื่อมั่นของ Bogle ส่งผลให้เขาสามารถสร้างกองทุนรวมดัชนีกองแรกของโลกขึ้นมา มีชื่อว่า Vanguard 500 Index Fund Investor Shares ที่เก็บค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดในช่วงเวลานั้น
ส่งผลให้ Vanguard เริ่มเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายเป็น บริษัทจัดการกองทุนในสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกในปัจจุบัน รวมไปถึงการลงทุนแบบ Passive ก็เติบโตเรื่อยๆ จนมีแนวโน้มจะแซงการลงทุนในรูปแบบ Active แล้วในอนาคต
การลงทุนใน Passive Fund ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett ที่ต้องการเปลี่ยนแนวคิดการลงทุนของผู้คน ให้เลือกลงทุนใน Passive Fund ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ แทนที่จะไปลงทุนใน Active Fund ที่มีค่าธรรมเนียมสูง จนเกิดเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ขึ้นมา
เรื่องราวนี้ได้ถูกเล่าแล้วผ่าน Passive Way Story Episode 01 – การเดิมพันครั้งใหญ่ของ Buffett ไปฟังได้ ที่นี่
ไปทำความรู้จักกับผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นฮีโรของชาวอเมริกัน ได้ในพอดคาสต์ 8 เรื่องเล่าจาก Wall Street ลงทุนไม่พัง ต้องฟังทางนี้ Episode 04 – รู้จัก John C. Bogle ‘ฮีโรนักลงทุน’ ของชาวอเมริกัน ได้แล้ววันนี้
คุณสามารถติดตามช่อง Passive Way Story เรื่องเล่าสนุกๆ พร้อมสาระความรู้เกี่ยวกับการลงทุน ที่จะทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 10.00 น. ได้ที่
หมายเหตุ ผลตอบแทนจากการลงทุนใน Vanguard S&P500 Index Fund ระยะเวลา 40 ปี มาจากในหนังสือ Stay The Course ซึ่งเขียนโดย John C. Bogle เอง
คำศัพท์ที่ควรรู้
รวมคำศัพท์ที่น่าสนใจใน Passive Way Story ซีรีส์ 8 เรื่องเล่าจาก Wall Street ลงทุนไม่พัง ต้องฟังทางนี้ Episode 04 – รู้จัก John C. Bogle ‘ฮีโรนักลงทุน’ ของชาวอเมริกัน
Vanguard Group คือ บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกในปัจจุบัน ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นโดย John C. Bogle และมีนโยบายการสร้างกองทุนในรูปแบบ Passive Fund เป็นส่วนใหญ่
กองทุนเชิงรับ (Passive Fund) คือ กองทุนที่ลงทุนในหุ้น ‘ตาม’ ดัชนีอ้างอิง ทำผลตอบแทนไปตามดัชนีอ้างอิงเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่าง Vanguard S&P500 Index Fund ที่ลงทุนในหุ้นทุกบริษัทในดัชนี S&P500
กองทุนเชิงรุก (Active Fund) คือ กองทุนที่มุ่งสร้างผลตอบแทน ‘ชนะ’ ดัชนีอ้างอิง โดยจะมีนโยบายซื้อขายหุ้นบ่อยครั้ง มีค่าธรรมเนียมสูง เพราะผู้จัดการกองทุนต้องทำงานหนักขึ้น ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สามารถเรียกกองทุนประเภทนี้ว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ ได้เช่นเดียวกัน
S&P500 คือ ดัชนีตลาดหุ้นที่ติดตามหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐจำนวน 500 แห่ง โดยจัดอันดับตามมูลค่ามาร์เก็ตแคปของบริษัทต่างๆ โดยบริษัทที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงที่สุดจะมีสัดส่วนมากที่สุดในดัชนี เช่น Apple Microsoft Amazon
Vanguard 500 Index Fund Investor Shares (VFINX) คือ กองทุนรวมดัชนี S&P500 ที่ลงทุนในหุ้นทุกบริษัทในดัชนี S&P500 โดยมีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดในช่วงเวลานั้นเพียงแค่ 0.14%
Vanguard 500 Index Fund Admiral Shares (VFIAX) คือ ชื่อใหม่ของ VFINX ซึ่งมีนโยบายลงทุนเหมือนกับ VFINX แต่มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงเหลือเพียงแค่ 0.04% Vanguard S&P 500 ETF (VOO) คือ กองทุน VFIAX ในรูปแบบ ETF (Exchange Traded Fund) ซึ่งเป็นกองทุนดัชนีที่สามารถซื้อขายได้แบบเรียลไทม์ในตลาดหุ้น เหมือนเป็นหุ้นๆ หนึ่ง