Table of Content

บทนำ

เรื่องราวกลุ่มนักเรียน ที่ลงทุนชนะมืออาชีพโดย Peter Lynch

Arnon Pattanaanunsuk

5 min read

  • 14 JAN 2023
  • Table of Content

    บทนำ

    Peter Lynch

    “จงรู้จักในสิ่งที่คุณครอบครอง และจงรู้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงครอบครองมัน” – Peter Lynch

    คำแนะนำของผู้จัดการกองทุนในตำนานอย่าง Peter Lynch ที่ถูกหยิบยกมาเตือนใจนักลงทุนอยู่เสมอก่อนที่จะเลือกซื้อหุ้นตัวใดสักตัวนึง 

    Lynch ได้มอบคำแนะนำให้กับนักลงทุนทั่วไป ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ยอดเยี่ยม และถูกพิสูจน์ด้วยฝีมือการลงทุนของ Lynch เองที่สามารถทำผลตอบแทนทบต้นได้สูงถึง 29.2% ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 13 ปี 

    ซีรีส์หนังสือการลงทุนที่ Lynch ได้เขียนขึ้นมากลายเป็นหนังสือการลงทุนขายดีระดับโลก และเป็นหนังสือการลงทุนที่มักจะถูกหยิบมาเปิดโลกให้กับผู้ที่ต้องการลงทุนอยู่เสมอ โดยที่หนังสือของ Lynch ที่เป็นที่รู้จักประกอบไปด้วย

    • One Up on Wall Street: เหนือกว่าวอลสตรีท
    • Learn to Earn: เรียนหุ้นกับ ปีเตอร์ ลินซ์
    • Beating the Street: ตีแตกวอลสตรีท

    แต่ละเล่มประกอบไปด้วยคำสอนอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับการลงทุน โดยสิ่งที่ Lynch ต้องการสื่ออยู่เสมอ คือ การลงทุนไม่ใช่เรื่องยาก และคุณก็มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าเหล่ามืออาชีพอย่างผู้จัดการกองทุน 

    ภายในหนังสือยังรวมไปถึงเรื่องราวการลงทุนสนุกๆ ที่น่าสนใจที่ Lynch นำมาเป็นตัวอย่างให้กับผู้อ่านได้เข้าถึงเรื่องราวการลงทุนมากยิ่งขึ้น และหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจที่สุด คือ ‘เรื่องราวของกลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 13 โรงเรียน St. Agnes ที่สามารถทำผลตอบแทนชนะ 99% ของกองทุนรวมได้’ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านหนังสือ Beating the Street ของ Lynch 

    เรื่องราวดังกล่าวนี้ได้ถูกนำมาเล่าผ่านพอดคาสต์ของ Passive Way Story ซีรีส์ 2 ตอน Peter Lynch: เซียนหุ้นที่ว่าแน่ ก็ลงทุนแพ้เด็ก ม.1 เอาไว้แล้ว แต่เพื่อให้คุณได้เข้าถึงเรื่องราวที่น่าสนใจนี้แบบละเอียดมากขึ้น เราจึงนำมาเขียนเป็นบทความให้คุณได้อ่านเพิ่มเติมอีกครั้ง 

    ไปดูกันว่าทำไมกลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 13 ถึงสามารถลงทุนได้ดีกว่ามืออาชีพ และอะไรคือกุญแจสำคัญที่ทำให้การเลือกหุ้นมาลงทุนของเด็กนักเรียนกลุ่มนี้มีความน่าสนใจ ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้กับการเลือกหุ้นของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

    วิชาการเลือกหุ้นสูตรมหัศจรรย์

    ในการเรียนการสอนของโรงเรียน St. Agnes คุณครู Joan Morrissey ได้สร้างพอร์ตจำลองขึ้น และให้นักเรียนช่วยกันคัดเลือกหุ้นเข้ามาใส่พอร์ตจำลองนี้ 

    สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ก็ได้บังเกิดขึ้น เพราะพอร์ตจำลองของนักเรียนกลุ่มนี้ทำผลตอบแทนพุ่งสูงถึง 70% ในขณะที่ S&P 500 ทำผลตอบแทนได้เพียงแค่ 26% ในช่วงเวลาเดียวกัน 

    เรื่องราวนี้ได้ถูกล่วงรู้ไปถึงหูของ Peter Lynch จนเขาต้องเข้ามาเยี่ยมชมที่โรงเรียน St. Agnes เพื่อถอดบทเรียนที่น่าสนใจ รวมไปถึงดูว่าเด็กนักเรียนอายุ 13 ใช้วิธีอะไรในการคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตจำลอง 

    ครู Morrissey ได้บอกกับ Lynch ถึงการแบ่ง 3 กฎในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตจำลอง ซึ่งเป็นวิธีที่น่าสนใจดังนี้ 

    กฎข้อที่ 1: เลือกหุ้นบริษัทที่คุณอธิบายได้

    ครู Morrissey ได้พูดถึงกฎข้อนี้อย่างชัดเจนว่า “ก่อนที่เด็กนักเรียนจะเลือกหุ้นใดๆ ลงในพอร์ต เด็กๆ ต้องสามารถอธิบายอย่างชัดเจนได้ว่า บริษัททำธุรกิจอะไร หากเด็กๆ ไม่สามารถบอกกับเพื่อนๆ ถึงธุรกิจของบริษัทได้ เด็กๆ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เลือกหุ้นตัวนั้น”

    กฎการเลือกหุ้นในข้อนี้จะทำให้เด็กๆ หาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นก่อนที่จะเลือกมาใส่พอร์ตจำลอง หรืออาจจะเลือกหุ้นบริษัทที่ตัวเองรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งตรงกับหลักการที่ Lynch คอยสอนอยู่เสมอนั่นคือ “ให้ลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจ”

    จากกฎในข้อนี้ทำให้เด็กๆ เลือกหุ้นธุรกิจง่ายๆ ที่ตัวเองรู้จักเข้าพอร์ตจำลอง ซึ่งเราจะขอยกตัวอย่างหุ้น 3 บริษัทที่ถูกหยิบยกเข้ามาประกอบไปด้วย

    • The Walt Disney ผู้ผลิตสื่อบันเทิงและการ์ตูนที่เด็กๆ ทั่วโลกรู้จักและหลงรัก รวมไปถึงมีสวนสนุกระดับโลกอย่าง Disneyland ที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปใช้บริการอยู่เสมอ เป็นหุ้นที่เด็กๆ อาจจะรู้จักมันดีกว่าผู้ใหญ่ด้วย
    • Nike บริษัทรองเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬามากมาย แน่นอนว่าในชั้นเรียนของ St. Agnes ต้องมีเด็กใช้รองเท้าแบรนด์ Nike อยู่แน่นอน และเป็นธุรกิจที่เข้าใจง่ายมากอีกด้วย
    • The Gap ร้านค้าปลีกเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ที่ออกแบบมาให้ทั้งสำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก บริษัทได้ขยายสาขาไปทั่วสหรัฐฯ และประเทศอื่นทั่วโลก ทำให้เด็กๆ ที่สวมเสื้อของ Gap อยู่เลือกธุรกิจนี้เข้าพอร์ตจำลองด้วยเช่นกัน 

    พอร์ตจำลองของเด็กๆ เต็มไปด้วยหุ้นบริษัทที่ทำธุรกิจที่แม้แต่เด็กอายุ 13 ขวบ ก็เข้าใจได้ และธุรกิจเหล่านี้ยังมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งทำให้สันนิษฐานได้ว่า หุ้นบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่คงทนพอสมควร

    อย่างไรก็ตามกฎเพียงแค่ข้อเดียวอาจจะไม่ได้บอกถึงคุณภาพของธุรกิจด้วย การที่พอร์ตจำลองของเด็กๆ สามารถทำผลตอบแทนได้อย่างยอดเยี่ยม หมายความว่าธุรกิจที่เด็กๆ ลงทุนต้องเป็นธุรกิจที่ดีซึ่งมาจากกฎข้อที่ 2 ในการเลือกหุ้นที่ ครู Morrissey สร้างขึ้น 

    กฎข้อที่ 2: เลือกหุ้นที่คุณรัก

    เป็นกฎง่ายๆ ที่นักลงทุนหลายคนลืม ทุกคนจะมีสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวันอยู่มากมาย จนสามารถไล่ชื่อแบรนด์ต่างๆ ที่คุณเลือกใช้อยู่ได้ แต่เมื่อเป็นเรื่องของการลงทุนแบรนด์เหล่านี้กลับถูกละเลยไปโดยสิ้นเชิง และสุดท้ายนักลงทุนส่วนใหญ่ก็เลือกหุ้นที่พวกเขาไม่ได้รู้จักแทน

    จากกฎข้อนี้ ที่เด็กๆ เลือกหุ้น GAP เพราะชอบเสื้อผ้าที่ได้ไปเลือกซื้อมากับคุณพ่อ คุณแม่ และ เลือกหุ้น Disney เพราะชอบตัวการ์ตูนมิกกี้เมาส์ นอกจากนี้ในพอร์ตจำลองยังประกอบไปด้วยหุ้นที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก และอาจเคยใช้บริการไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เช่น Pepsi และ Walmart

    ครู Morrissey ให้เหตุผลว่า “หากเด็กๆ รักในหุ้นที่ตัวเองเลือกแล้ว เป็นไปได้ว่าเด็กคนอื่นๆ บนโลกนี้อาจจะรักมันเหมือนกัน” นั่นคือการคัดกรองหุ้นแบบง่ายๆ ว่า ธุรกิจที่ลงทุนเป็นธุรกิจที่ดี และสามารถเข้าไปครองใจผู้บริโภคได้จริงหรือไม่

    และดูเหมือนว่าบทเรียนนี้จะเป็นความจริง เมื่อหุ้นหลายตัวที่เด็กๆ เลือกปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดสร้างผลตอบแทนให้พอร์ตจำลองได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ใช่ว่าหุ้นทุกตัวจะปรับขึ้นไปทั้งหมด เพราะมีหุ้น Savannah Foods ที่ตกลงมาเช่นเดียวกัน 

    แต่การเลือกหุ้น Savannah Foods ไม่ใช่เพราะว่าเด็กๆ ติดใจในรสชาติอาหาร เหตุผลที่หุ้นตัวนี้ได้อยู่ในพอร์ตจำลองเพราะว่าเด็กๆ ได้อ่านนิตยสาร Investor’s Daily ที่แนะนำให้ลงทุนในหุ้นตัวนี้ หมายความว่าเด็กๆ ได้ทำผิดกฎข้อที่ 2 จากการเลือกหุ้น และมันได้นำไปสู่กฎข้อสำคัญข้อสุดท้ายสำหรับการเลือกหุ้น 

    กฎข้อที่ 3: ทำการบ้านด้วยตัวของคุณเอง

    การลงทุนไม่ใช่เรื่องยาก แต่อย่างน้อยคุณก็ควรรู้จักกับสิ่งที่คุณลงทุน การหาข้อมูลและหาเหตุผลเพื่อศึกษาสิ่งที่คุณลงทุน เป็นเหมือนการบ้านที่คุณควรทำด้วยตัวเอง 

    แน่นอนคุณอาจจะเคยได้ยินการแนะนำหุ้นจากใครสักคน ซึ่งหากคุณเกิดความสนใจจะลงทุนตามคำแนะนำ ก็เป็นเหมือนการบ้านที่คุณควรทำอีกเช่นเดียวกัน เพื่อที่คุณจะได้รู้จักสิ่งที่คุณลงทุนอย่างสมบูรณ์และจะทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนมากยิ่งขึ้น 

    เด็กๆ แต่ละคนในชั้นเรียนมีหน้าที่ในการเลือกหุ้นมาลงทุน การบ้านของเด็กๆ ก็คือ ‘การอธิบายธุรกิจของหุ้นก่อนจะนำเข้ามาใส่ในพอร์ตจำลอง’ และ ‘การสำรวจตัวเองว่ามีแบรนด์อะไรที่ตัวเองใช้อยู่และชอบบ้าง’ นั่นทำให้การเลือกหุ้นของเด็กๆ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม

    ด้วยกฎทั้ง 3 ข้อนี้คือเหตุผลที่ทำให้การเลือกหุ้นของเด็กๆ อายุ 13 ทำได้ดีกว่าผลงานกองทุนรวม 99% ที่อยู่ในตลาดหุ้น ทั้งที่ผู้จัดการกองทุนต่างๆ สามารถเลือกหุ้นลงทุนในแบบที่เด็กๆ เลือกได้ แต่กลับไม่ทำแบบนั้น ทำให้ประโยคที่ Lynch บอกว่า ‘คนธรรมดามีโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีกว่าผู้จัดการกองทุน’ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

    หลังจากการเยี่ยมชมโรงเรียน St. Agnes ของ Lynch ในครั้งนี้ ทำให้เขาได้บทเรียนในการสอนลงทุนเพิ่มเติม และนอกจากนี้ Lynch ยังได้ตลับเทปที่รวบรวมคำสอนเกี่ยวกับการลงทุน ที่ Lynch แนะนำให้ทุกคนท่องจำตอนอาบน้ำทุกวันจะได้จำได้ขึ้นใจ มีดังนี้

    • “บริษัทที่ดีมักจะเพิ่มเงินปันผลทุกปี”
    • “อย่าตกหลุมรักหุ้นที่คุณลงทุน จงเปิดใจอยู่เสมอ”
    • “ในระยะยาว การซื้อหุ้นในบริษัทขนาดเล็กจะดีกว่า”
    • “คุณต้องศึกษาข้อมูลบริษัท ก่อนที่จะนำเงินไปลงทุน”
    • “คุณไม่ควรเลือกหุ้นเพียงอย่างเดียว คุณควรทำการบ้านด้วย”
    • “เมื่อคุณลงทุนในตลาดหุ้น คุณควรกระจายความเสี่ยงอยู่เสมอ”
    • “เมื่อหุ้นตกลงไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่ามันจะตกลงไปอีกไม่ได้”
    • “คุณไม่ควรซื้อหุ้นเพียงเพราะราคาถูก แต่คุณควรซื้อเพราะคุณรู้จักมันอย่างแท้จริง”
    • “คุณสามารถเสียเงินในระยะเวลาอันสั้น และต้องใช้เวลานานในการทำให้มันงอกเงย”
    • “การซื้อหุ้นในบริษัทสาธารณูปโภคเป็นสิ่งที่ดีเพราะมันให้เงินปันผลที่สูงกว่า แต่คุณจะทำเงินได้จากหุ้นเติบโต”
    • “คุณสามารถทำเงินได้มากมายจากตลาดหุ้น แต่คุณก็สามารถเสียเงินได้มากมายเช่นเดียวกัน อย่างที่เราได้พิสูจน์มาแล้ว”
    • “คุณควรลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว เพราะทุกๆ 5 ตัวที่คุณเลือก ตัวหนึ่งจะดีมาก ตัวหนึ่งจะแย่มาก และอีกสามตัวก็อาจจะแค่พอใช้”
    • “ตลาดหุ้นไม่ใช่บ่อนการพนัน ตราบใดที่คุณเลือกบริษัทที่ดี ที่คุณคิดว่าจะไปได้ดีในอนาคต และไม่ใช่เพียงเพราะราคาหุ้นเท่านั้น”

    ทั้งหมดนี้คือบทเรียนที่ได้จากเรื่องราวของกลุ่มเด็กอายุ 13 โรงเรียน St. Agnes ในการเลือกหุ้นลงทุน ที่กลายเป็นเรื่องราวการลงทุนที่ทุกคนควรรู้ ตามคำบอกเล่าของผู้จัดการกองทุนในตำนานอย่าง Peter Lynch 

    เราหวังว่าเรื่องราวนี้จะทำให้คุณได้มุมมองการลงทุนที่ดีขึ้น และเห็นว่าการลงทุนไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด กลยุทธ์การลงทุนที่ดีไม่จำเป็นต้องมาจากมืออาชีพเสมอไป เพราะในบางครั้งเด็กๆ อายุ 13 ขวบ ก็ยังมีโอกาสทำผลตอบแทนได้อย่างยอดเยี่ยมจากการลงทุน

    Peter Lynch

    ลงทะเบียนรับความรู้การลงทุน passive

    รับความรู้การลงทุน passive ฟรี เพื่อเริ่มลงทุนอย่างสบายใจ กำไรอย่างยั่งยืน

    1. How a Group of 13-Year-Olds Beat the Brightest Minds on Wall Street https://www.nasdaq.com/articles/how-group-13-year-olds-beat-brightest-minds-wall-street-2013-02-07
    2. 7th graders beat the market with simple principles https://www.gurufocus.com/news/144444/7th-graders-beat-the-market-with-simple-principles
    3. Beating the Street: In Praise of Amateur Stock Pickers https://jitta.co/3iGZkBJ
    4. Beating the Street Paperback – May 25, 1994 https://www.amazon.com/Beating-Street-Peter-Lynch/dp/0671891634

    นักเขียนอิสระ ผู้สนใจเรื่องการเงิน การลงทุนแบบเน้นคุณค่า และการลงทุนระยะยาว