Table of Content

บทนำ

QVI: Beating Magic Formula Investing (ตอนที่ 4)

Yoyoway

5 min read

  • 4 MAR 2016
  • Table of Content

    บทนำ

    การลงทุนด้วย Magic Formula (MF) แม้จะมี Track record ที่ดีอยู่ในระดับที่จะเอามาใช้ลงทุนจริงๆได้ แต่มันก็มีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเหมือนกัน

    – แม้ในระยะยาวแล้วสูตรจะสามารถชนะตลาดได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะชนะตลาดได้ทุกปี ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่การลงทุนตามสูตรอาจจะแพ้ตลาดติดต่อกัน 2-4 ปี ซึ่งด้วยระยะเวลาที่นานขนาดนี้ นักลงทุนจะมีวินัยพอที่จะทำตามสูตรหลังจากแพ้ตลาดติดต่อกันหลายปีก็มีโอกาสอยู่น้อยมาก สุดท้ายแม้ว่าจะเลือกสูตรการลงทุนที่ใช่แล้ว แต่ถ้าความศรัทธามันหมดซะก่อนก็เลิกใช้สูตรก่อนที่มันจะแสดงผลให้เป็นที่น่าพอใจก็ได้ ซึ่งจุดอ่อนนี้ก็เป็นจุดอ่อนร่วมของหลักการ qvi ทุกสูตรเลยเช่นกัน

    – แม้ว่า MF นั้นเลือกหุ้นโดยมีหลักการว่าจะซื้อหุ้นราคาถูก และคุณภาพดี แต่ตัววัดด้านคุณภาพและความถูกแพงของมันก็ถือว่าหยาบมาก ถ้าเอามาเทียบกับหลักการวิเคราะห์ทั่วไป ในที่นี้เพื่อให้เห็นภาพจริง ผมจะลองยกตัวอย่างหุ้นที่คัดออกมาจาก MF ของจริงมาดูกันคร่าวๆว่ามันพลาดตรงไหนไปบ้าง

    ซึ่งถ้าเราเข้าใจจุดอ่อนของมัน ก็มีโอกาสที่เราสร้างผลตอบแทนได้เหนือ MF ขึ้นไปอีก

    ภาพข้างบนผมลองใช้ screen magic formula จากเวป siamchart ซึ่งเค้ามีแยกเป็น magic1 กับ magic2 ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าต่างกันยังไง แต่ให้เดาก็คิดว่า magic1 คงเป็นสูตรอย่างง่ายที่ใช้ p/e กับ roa ส่วน magic2 ก็คือต้นตำหรับที่ใช้ earning yield (ey) กับ roc ในที่นี้ผมเลือกใช้ magic2 มาเป็นตัวอย่างนะครับ

    ลองไล่ดูกันทีละตัวเลยละกัน (ออกตัวก่อนนะครับว่าหุ้นใน list นี้ส่วนใหญ่ผมรู้จักอยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้น ความเห็นที่เขียนอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ผมอาศัยดูจากข่าว รายได้และกำไรแบบคร่าวๆเท่านั้น ไม่ได้เจาะลึกเปิดงบดูรายบรรทัด หุ้นบางตัวตอนที่ผมเขียนงบ q4 2015 ยังไม่ออก ผมก็ใช้ข้อมูลเท่าที่ผมมีนะครับ)

    1. jas อันนี้ชัดเจนเลยครับว่าที่ติดมาเพราะต้นปี 58 jas ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน jasif ก้อนใหญ่มากๆ ทำให้เกิดกำไรพิเศษจนทำให้ทั้ง ey กับ roc นั้นสูงกว่าในภาวะปกติอยู่พอสมควร

    2. ttl ตัวนี้ก็เพิ่งมีกำไรพิเศษจากการขายที่ 400 กว่าล้าน ทำให้ ey กับ roc สูงเกินจริง

    3. brook ไตรมาส 1 ปี 2015 มีรายได้กำไรกระโดดขึ้นมา ผมไม่แน่ใจว่าคืออะไรแต่ก็เดาว่าน่าจะเป็นรายพิเศษที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆแน่ๆ

    4-5. tasco tipco คู่นี้ติดมาคู่กัน เพราะราคาน้ำมันดิบลดลงเยอะ ทำให้ต้นทุนการผลิตยางมะตอยต่ำลง แต่เนื่องจากราคายางมะตอยยังไม่ได้ลดลงตามน้ำมันในทันที ทำให้ spread มันเพิ่มขึ้น กำไรก็โตเอาๆ เคสลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งกับหุ้น commodities ไม่ว่าจะเป็น ptl psl ซึ่งก็เป็นที่รู้กันสำหรับนักลงทุนระยะยาวว่าหุ้นประเภทนี้เข้าข่ายดีชั่วคราว กำไรสูงๆที่เห็นอยู่เมื่อเวลาผ่านไปสุดท้ายมันก็จำลดลงกลับไปอยู่ในจุดสมดุลของมัน

    6. thre กำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน 1500 กว่าล้าน ซึ่งเป็นกำไรพิเศษอีกแล้ว7. stpi ผมดูคร่าวๆ เหมือนจะไม่มีกำไรพิเศษอะไร แต่เนื่องจากงานเป็นลักษณะงาน project ใหญ่ๆ นักลงทุนอาจจะห่วงว่างานอาจจะใกล้หมดและกลัวว่าจะไม่ได้งานมาเพิ่มก็ได้ ถึงทำให้ราคาหุ้นยังถูกอยู่ แต่ทั้งนี้ก็มีโอกาสเหมือนกันว่านักลงทุนอาจจะกลัวจนเกินไป ดูมาถึงตัวที่

    7. เพิ่งจะมีตัวที่พอใช้ได้ก็ตัวนี้มั๊งครับ

    8. dcon ปกติสูตร MF จะใช้งบการเงิน 12 เดือนย้อนหลัง ตอนนี้ที่งบปียังไม่ออก เลยมีผลของกำไรที่กระโดดขึ้นเยอะใน q4-2014 ติดมาด้วย ซึ่งอันนี้ผมไม่แน่ใจว่ามีกำไรพิเศษหรือว่าของสินค้าขาดตลาดรึเปล่า แต่ดูจากรายได้และกำไรใน q1-q3 2015ที่ค่อยๆลงลงมาเรื่อยๆ ก็เดาว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่กำไรดีขึ้นชั่วคราว แต่ทั้งนี้ผมเองก็ฟันธงไม่ได้เหมือนกันว่าราคาที่ดูเหมือนถูกนั้นเป็นเพราะกำไรชั่วคราวหรือความกลัวของนักลงทุนกันแน่

    9. thip รายได้โตดี gpm เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตเพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่เว่อร์เกินไป sga/sales ก็ลดลง ทำให้กำไรโตขึ้นมาเยอะ ผมไม่เจอจุดอะไรที่ผิดปกติ จุดเดียวที่จะมีปัญหาก็คือสภาพคล่องหุ้นน้อยเหลือเกิน ณ เวลาที่ผมดูอยู่มี offer 1000 หุ้นที่ราคา 240 บาท ก็คิดเป็นเงิน ก็ไม่ได้น้อยมากจนเกินไปสำหรับคนที่ port ยังไม่ใหญ่

    10. sricha ดูย้อนหลังไปแนวโน้มกำไรดูเหมือนจะลดลงเรื่อยๆ แต่นักลงทุนอาจจะกลัวมากเกินไปก็ได้ ผมว่าหุ้นประเภทนี้รวมกันหลายๆตัวคือสาเหตุที่ทำให้ MF ชนะตลาดได้

    11. asimar ปี 2015 รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นมาพอสมควร ราคาหุ้นก็ขึ้นมาด้วย ดูจากลักษณะงานของการต่อเรือแล้วก็มีโอกาสสูงว่าน่าจะเพิ่งได้งานใหญ่มาทำให้งบโดดขึ้นมาติดต่อกันหลายไตรมาส โอกาสจะได้แบบนี้ต่อเนื่องก็คงไม่ง่าย นอกจากบริษัทหรืออุตสาหกรรมจะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงการจริงๆ

    12. sprc หุ้นโรงกลั่นรายได้ลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันลดลง แต่ต้นทุนซึ่งเป็นน้ำมันดิบก็ลดลงด้วย โดยรวมบริษัทมีกำไรดีขึ้นมากจากปีที่แล้ว ทั้งนี้ spread ที่อยู่สูงนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะอยู่ไปได้นานแค่ไหน warren buffett เองช่วงนี้ก็ซื้อหุ้นโรงกลั่นเข้า port ไปหลายตัว และยังทยอยซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันอาจจะเป็นโอกาสของคนที่เข้าใจธุรกิจนี้ดีก็ได้

    13. fns ตัวนี้เป็นหุ้นการเงิน ซึ่ง MF บอกว่าให้ตัดออกไปเลย น่าจะเพราะด้วยงบการเงินที่แต่งต่างจากธุรกิจอื่นมาก MF จึงเลือกที่จะตัดหุ้นการเงินออกจาก port ไปเลยดีกว่า

    14. tvo ทำน้ำมันพืช อาหารสัตว์ ที่ผ่านมารายได้ก็ทรงๆไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่กำไรก็ขึ้นๆลงๆ ดี 1 ปี แย่ 1 ปีสลับไปเรื่อยๆ ราคาอาจจะดูเหมือนถูก แต่เป็นราคาถูกในช่วงปีที่ดี รวมๆแล้วผมว่าก็ไม่ถูกไม่แพงไม่น่าจะสร้างผลตอบแทนอะไรมากมายให้กับ port ได้

    15. sf น่าจะติดมาเพราะกำไรจากการปรับมูลค่าโรงการ mega bangna ทำให้ q4 2015 กำไรโดดขึ้นมาเยอะ แบบนี้ก็เป็นเหตุการชั่วคราว แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรปกติของบริษัทที่ประมาณ 0.4x ผมว่าราคาหุ้นก็อยู่ในข่ายที่พอลงทุนได้เหมือนกัน(มีต่อนะครับ)

    16. twp q4 2015 eps โดดไปไกลมาก หลังจากนั้นกำไรก็หดลงอย่างรวดเร็ว ก็น่าจะเป็นกำไรพิเศษอีกเช่นกันครับ

    17. ps ตัวนี้ไม่มีกำไรพิเศษอะไรครับ ผลงานออกมาดีเรื่อยๆ โตเอาๆ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ก็ยังลงโทษหุ้นกลุ่มอสังหาอยู่ดี ณ เวลาหุ้นในตลาดหุ้นไทย ผมว่าไม่มีหุ้นกลุ่มไหนถูกเกินอสังหาอีกแล้ว อาจจะห่วงเรื่องการเก็งกำไรคอนโด ห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นมาก แต่นักลงทุนอาจจะกลัวมากเกินไปก็ได้

    18. lpn เหมือน ps เลยครับ โดนลงโทษแทบทั้งกลุ่ม

    19. jsp เหมือนเดิมครับ

    20. scp ตัวนี้ผมไม่เจออะไรที่ผิดสังเกตุหนักๆ ออกได้ 2 หน้า คือมันถูกแบบมีเหตุผลของมัน หรือไม่นักลงทุนก็กลัวเกินไป

    21. prakit ทำ agency โฆษณา แต่กำไรพิเศษจากการขายที่

    22. rich ผมดูรายไตรมาสตั้งแต่ปี 2011 ขาดทุนเกือบทุกไตรไมส มี q4-2014 กับ q1-2015 ที่ไม่ขาดทุน หลังจากนั้นก็ขาดทุนต่อ ดูแบบนี้ก็น่าจะกำไรพิเศษอีกเช่นกันครับ

    23. spali เหมือน ps lpn ครับ

    24. ubis กำไรเติบโตดีในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าดีขึ้นชั่วคราวด้วยเหตุที่ราคาต้นทุนอาจจะ link อยู่กับราคาน้ำมันรึเปล่า หรือว่าพื้นฐานอาจจะดีขึ้นอย่างแท้จริง อันนี้เป็นโอกาสสำหรับคนที่มองเห็นครับ

    25. qtc ทำหม้อแปลงไฟฟ้า ช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมารายได้โตเร็ว กำไรก็โตตาม ไม่รู้ว่าจะดีแบบนี้อีกนานแค่ไหน เลยไม่แน่ใจว่าแบบดีมันดีชั่วคราวหรือดียั่งยืน ถ้าเจาะลึกดู มีโอกาสไปประชุมผู้ถือหุ้นอาจจะหาคำตอบได้ แต่ ณ ตรงนี้ยังไม่เจออะไรที่ผิดปกติมากนัก

    26. cfresh ดูจากลักษณะธุรกิจแล้วก็ดูเป็นธุรกิจวัฏจักรในระดับหนึ่ง กำไรแกว่งขึ้นลงแรงพอสมควร แต่ถ้ามองให้ยาวขึ้น ผมดูย้อนหลังไป 10 ปี แม้รายได้และกำไรจะแกว่งขึ้นลงแรง แต่ก็ดูมีแนวโน้มไปในทางเติบโต ที่ดูราคาไม่แพงอาจจะเพราะเป็นช่วงวัฏจักรขาขึ้นก็ได้ แต่ก็มีโอกาสเหมือนกันที่บริษัทอาจจะอยู่ในแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องอันนี้ก็ต้องวิเคราะห์กันต่อไป

    27. bjchi รายได้ดูทรงๆ แต่กำไรดูจะลดลงเร็ว ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรในการแข่งขันหรือการบริหารต้นทุนรึเปล่า หรืออาจจะเป็นเหตุการณ์ที่แย่ชั่วคราวก็ได้

    28. smpc ปี 2015 รายได้ทรงๆจากปีก่อน แต่กำไรโตขึ้นสูงมาก ตรงนี้ผมก็ยังไม่ชัดว่าดีชั่วคราวหรือว่าดีถาวร

    29. hft ตัวนี้ดูย้อนหลังไป 10 ปีรายได้ไม่ได้โตอะไรมากมาย แต่แนวโน้มกำไรก็ดูค่อยๆโตมาเรื่อยๆเลย หลักๆมาจาก gpm ที่เพิ่มขึ้นจาก 10% มาเป็น 20% กลางๆปลายๆ อาจจะเป็นหุ้นดีที่ถูกมองข้าม หรือเป็นหุ้นที่ต้นทุน link กับน้ำมันแล้วลดลงชั่วคราวก็ได้ ตรงนี้ไม่ชัดเท่าไหร่

    30. irc ตัวนี้คล้ายๆ hft เหมือนกัน คือรายได้ทรงๆทรุดๆ แต่ gpm เพิ่มขึ้นทำให้กำไรดีขึ้น พอมาเห็น irc และ hft แล้ว ธุรกิจยางคล้ายๆกัน gpm ดีขึ้นด้วยกันทั้งคู่ ผมว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ต้นทุนในอุตสาหกรรมนี้คงลดลงพร้อมๆกันหมด ซึ่งโดยปกติแล้วกำไรระดับสูงๆแบบนี้มักจะอยู่ได้ชั่วคราว เพราะพอกำไรดีขึ้นก็จะมีคนขยายกำลังการผลิต มีคู่แข่งรายใหม่จนราคากลับสู่ระดับปกติ หรือไม่ลูกค้าก็จะขอลดราคาเพราะเค้าเองก็รู้ต้นทุนของเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้น hft กับ irc นี่จะเข้าข่ายว่าดีชั่วคราวก็อาจจะเป็นไปได้

    31. intuch ตัวนี้ราคาลดลงมาจากเนื่องจากประมูลคลื่นล่าสุดแล้ว jas ชนะ คนเลยกลัวว่าจะเกิดการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ซึ่งมีโอกาสที่นักลงทุนจะกลัวกันเกินเหตุ

    32. rml ตัวนี้ก็อสังหาแต่อาจจะต่างจาก ps lpn spali ซักหน่อยตรงที่ 3 ตัวนั้นเค้าราคาถูกเพราะคนไม่เล่นกลุ่มอสังหากันยกกลุ่ม แต่ rml นี่ช่วงที่ผ่านมากำไรดีจากโครงการเก่าๆทยอยส่งมอบ ซึ่งเป็นโครงการตั้งแต่สมัยผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นชุดเก่าทำเอาไว้ ปัจจุบัน backlog โครงการเก่าก็ลดลงเรื่อยๆ ส่วนผู้บริหารใหม่ก็ซื้อที่และเปิดโครงการใหม่น้อยมาก พอดูตัวเลขย้อนหลังก็จะดูเหมือนดี แต่ถ้ามองอนาคตแล้วอาจจะมืดมนนิดหน่อย ผมถือว่าเข้าข่ายดีชั่วคราว และอาจจะเข้าสู่ยุคแย่ถาวร

    จากหุ้นทั้งหมด 32 ตัวที่ดูมา ตัดกลุ่มการเงินออกไป 1 ตัวก็เหลือ 31 ตัว เราจะเห็นว่าหุ้นที่ MF เลือกออกมาจะมีลักษณะร่วมๆคล้ายๆกันอยู่หลายตัวดังต่อไปนี้

    – กำไรพิเศษ หรือ ดีชั่วคราว พวกนี้ screen ออกดูได้ไม่ยากมากครับ ถ้าเราเห็นกำไรโดดๆไตรมาสเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ลดลง โอกาสก็สูงที่จะอยู่ในกลุ่มนี้

    15 ตัว jas ttl brook tasco tipco thre dcon asimar sf twp prakit rich hft irc rml

    – ยังไม่ชัดเจน (อาจจะประกอบไปด้วย แย่ชั่วคราว พื้นฐานดีขึ้นแต่คนยังมองไม่เห็น หรือยังไม่เชื่อว่าจะดีถาวร)

    16 ตัว stpi thip sricha sprc tvo ps lpn jsp scp spali ubis qtc cfresh bjchi smpc intuch

    หุ้นบางตัวผมก็เลือกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเอาไว้กลุ่มกำไรพิเศษหรือว่ากลุ่มยังไม่ชัดเจน เพราะก็ไม่ได้เข้าใจธุรกิจเค้าลึกอะไรนัก แต่สิ่งที่อยากจะชี้ให้เห็นก็คือถ้าเป็นผมจะเลือกลงทุนด้วย MF ผมอาจจะดูผ่านๆ แบบนี้แล้วตัดหุ้นที่ผมมั่นใจว่าเป็นกำไรพิเศษออกไป แล้วเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่ยังไม่ชัดเจน

    คนอาจจะสงสัยว่าไหนบอกว่า MF นั้นจะเลือกหุ้นดีราคาไม่แพงออกมา ทำไมหุ้นในกลุ่มยังไม่ชัดเจนส่วนใหญ่มันก็ยังดูคลุมเครือๆอยู่ดีว่าตกลงดีรึเปล่า ก็ต้องตอบว่าโดยหลักการแล้วมันควรจะเป็นอย่างนั้น แต่ว่าหุ้นที่ดีมากๆแบบชัดเจน โอกาสที่เราจะซื้อได้ในราคาถูกนั้นก็มีต่ำเพราะทุกคนๆก็เห็นเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นสูตร MF นั้นจึงยอมรับกับคุณภาพที่มันต่ำลง ตราบใดก็ตามที่ราคาที่จ่ายไม่ได้แพงมากนัก จริงๆแล้วหุ้นยังไม่ชัดเจนทั้งหลายนี่แหละครับที่ผมเชื่อว่าโดยภาพรวมแล้ว มันคือหุ้นที่คุณภาพพอใช้ได้ อาจจะมีปัญหาชั่วคราว หรือปัญหาถาวรอะไรก็แล้วแต่ แต่นักลงทุนก็กลัวกันจนเกินเหตุทำให้ราคาหุ้นมันลดต่ำจนเกินไป การลงทุนในหุ้นแบบนี้เป็นตระกร้า 30 ตัวขึ้นไป น่าจะให้ผลตอบแทนระยะยาวเหนือ MF และเหนือดัชนีได้ ถ้าเรามีวินัยพอ

    จริงๆ แล้วในหนังสือ Manual of ideas เค้าให้ข้อสังเกตุว่า สาเหตุที่ผลตอบแทนจากหนังสือ little book that beats the market ทำได้สูงนั้นมีความเป็นไปได้ว่า ฐานข้อมูลที่ใช้กรองหุ้นนั้นอาจจะตัดรายการพิเศษออกไป เพราะเค้าเคยสัมภาษณ์ Joel Greenblatt แล้ว Joel บอกว่าฐานข้อมูลที่เค้าใช้นั้นไม่ใช่ฐานข้อมูลที่ใช้ข้อมูล public ทั่วไป แต่เป็นข้อมูลที่มีคนคอยดูแลให้ถูกต้อง เพราะฉะนั้นการที่ Screen หุ้นออกมาด้วยวิธี MF แล้วตัดหุ้นที่มีกำไรพิเศษชัดเจนออกไป ก็มีโอกาสที่เราอาจจะสร้างผลตอบแทนได้เข้าใกล้ค่าที่ทำไว้สูงมากแบบหนังสือได้เหมือนกัน

    หมายเหตุ. อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของวิธีนี้คือ มันพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่าการตัดหุ้นที่มีกำไรพิเศษหรือหุ้นที่คาดว่าจะดีชั่วคราวออกนั้นมันช่วยให้ผลตอบแทนนั้นดีขึ้นจริงรึเปล่า ผมได้แต่คาดหวังว่าด้วยการพัฒนาหลักการเลือกหุ้นดีในราคาไม่แพงนั้น การตัดหุ้นที่ไม่ได้ดีจริงและไม่ได้ถูกจริงออก น่าจะช่วยให้ผลตอบแทนดีขึ้นได้ จริงๆแล้วถ้าเราสามารถสร้างสูตรที่ช่วยตัดหุ้นที่กำไรพิเศษ เช่นกำไรโตเทียบกับปีก่อนหรือไตรมาสเยอะมากๆ แล้วทำ Backtest จากสูตรนั้นอีกทีอาจจะช่วยได้ แต่น่าจะเป็นงานหนักพอสมควร ผมเองก็ไม่มีความรู้พอที่จะทำตรงนี้ด้วย (ถ้า siamquant อ่านอยู่แล้วสามารถทำตรงนี้ได้ รบกวนทำเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ 555)

    ผมเคยลองเอาไปใช้กับหุ้นอเมริกาดูแล้วนั่งวิเคราะห์ผ่านๆแบบนี้ดูก็จะเห็นลักษณะหุ้นที่ติดเข้ามาคล้ายๆกับตลาดไทยนี่แหละครับ แต่ช่วงประมาณ 5-6 ปีก่อนผมไปลงทุนต่างประเทศแล้วใช้ MF กรองหุ้นออกมา พบกว่ามีหุ้นจีนที่ listed ที่ Nasdaq ติดมาอยู่หลายตัว ซึ่งหุ้นพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วมีการแต่งงบการเงินมาหลอกเงินนักลงทุน ถ้าใครใช้ MF ในช่วงเวลานั้นก็มีโอกาสที่จะขาดทุนสูง ไว้มีโอกาสผมจะเล่าเรื่องหุ้นจีนที่แต่งตัวมาหลอกเงินในตลาดอเมริกาให้ฟังลึกว่านี้ (เพราะโดนมาด้วยตัวเอง จำแม่นเลยครับ)

    ใครอยากลองเล่น MF ของอเมริกาก็ไปลองที่ link นี้ได้ www.magicformulainvesting.com ไม่เสียเงินแต่ต้องลงทะเบียนนิดหน่อย ส่วนของไทยก็มีหลายเวป ผมลองใช้ของ siamchart


    ลงทะเบียนรับความรู้การลงทุน passive

    รับความรู้การลงทุน passive ฟรี เพื่อเริ่มลงทุนอย่างสบายใจ กำไรอย่างยั่งยืน

    TAGS:

    Contributor