Table of Content

บทนำ

ส่องหุ้น Semiconductor หุ้นสายเทคน่าสนใจ มีโอกาสเติบโตสูง

Phillip

1 min read

  • 8 SEP 2025
  • Table of Content

    บทนำ

    เทคโนโลยีอยู่คู่กับมนุษย์แทบจะทุกลมหายใจ แต่นอกจากการลงทุนกับหุ้นสายเทคโนโลยีโดยตรงแล้ว การลงทุนในหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ก็ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่นักลงทุนควรให้ความสนใจเช่นกัน หากกำลังมองหาโอกาสเติบโตในระยะยาว เนื่องจากธุรกิจในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ IoT ทำให้ความต้องการชิปเซต (Chipset) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    หุ้น Semiconductor คืออะไร ?

    หุ้นเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) คือ หุ้นของบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกแบบ ผลิต หรือจำหน่ายชิปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการสื่อสารไร้สาย

    ส่วนเซมิคอนดักเตอร์ คือวัสดุที่มีคุณสมบัติในการควบคุมกระแสไฟฟ้าได้ตามต้องการ และถูกนำมาใช้ผลิตชิป ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน, แท็บเลต, คอมพิวเตอร์, รถยนต์ไฟฟ้า (EV), อุปกรณ์ IoT, ดาต้าเซนเตอร์และเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Cloud & Big Data รวมทั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี 5G 

    จึงอาจกล่าวได้ว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ คือรากฐานของเทคโนโลยี ที่ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมในระดับโลกอย่างแท้จริง

    นักลงทุนดีใจเพราะหุ้น Semiconductor มีราคาสูงขึ้น

    ลักษณะเฉพาะของหุ้น Semiconductor

    • มีความผันผวนสูง : ราคาหุ้นอาจปรับขึ้นลงแรงตามภาวะตลาดโลก ความต้องการสินค้า และข่าวเทคโนโลยีใหม่ ๆ
       
    • มีวัฏจักร (Cyclical) ชัดเจน : ช่วงที่ตลาดมีความต้องการชิปสูง ราคาหุ้นจะปรับตัวดี แต่หากเกิดภาวะ Oversupply หรือเศรษฐกิจชะลอตัว ราคาจะอ่อนลงตามไปด้วย
       
    • มีอิทธิพลต่อดัชนีเทคโนโลยี : เช่น NASDAQ และ SOX Index ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมบริษัทเซมิคอนดักเตอร์หลัก ๆ ของโลกไว้ด้วยกัน
       
    • ราคาได้รับผลกระทบจากภูมิรัฐศาสตร์ : เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน การจำกัดการส่งออกชิป และความขัดแย้งทางการค้า

    เหตุผลที่ทำให้หุ้น Semiconductor น่าจับตามองในยุคนี้

    ท่ามกลางกระแสการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน หุ้นกลุ่มนี้ยังคงยืนหยัดอยู่ในตลาดได้อย่างงดงาม และนี่คือเหตุผลว่าทำไมหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ ไม่ใช่แค่สิ่งที่น่าสนใจ แต่คือหุ้นที่น่าจับตามอง สำหรับนักลงทุนที่มองอนาคตการลงทุนในระยะยาว

    1. การเติบโตของ AI และโลกแห่งข้อมูล

    ทุกวันนี้ บริษัททุกแห่งต้องมี AI เป็นผู้ช่วย และทุกอุตสาหกรรมต่างให้ความสำคัญกับ Data-Driven Business เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น GPU, NPU หรือชิปเฉพาะทาง ชิปประสิทธิภาพสูงจึงไม่ใช่สินค้าเสริม แต่คือทรัพยากรที่จำเป็นในโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจสมัยใหม่ เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหม่ที่หล่อเลี้ยงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ทั้งยังมีอนาคตที่สดใสมากเป็นพิเศษ

    2. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

    การเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลกำลังแผ่ขยายไปสู่ทุกอุตสาหกรรม ทั้งภาคการเงิน การแพทย์ พลังงาน การผลิต และแม้แต่ภาครัฐ ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น นำไปสู่ยอดขายและผลกำไรที่พุ่งสูงอย่างฉุดไม่อยู่

    3. การสนับสนุนจากรัฐบาลทั่วโลก

    นอกจากจะมีบทบาทในภาคเศรษฐกิจแล้ว เซมิคอนดักเตอร์ยังมีบทบาทด้านความมั่นคงและถูกนำไปใช้งานในการบริหารประเทศหลายภาคส่วน เช่น สหรัฐอเมริกาลงทุนผ่าน CHIPS Act เพื่อฟื้นฟูฐานการผลิตชิปในประเทศ หรือจีนลงทุนในโครงการ “Made in China 2025” เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้อุตสาหกรรมนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง

    4. การฟื้นตัวของอุตสาหกรรม

    อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มีวัฏจักรเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์ มีช่วงขาดแคลนและล้นตลาด แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปในช่วงนี้ คือรูปแบบการฟื้นตัวที่แข็งแรงกว่าเดิม จากความต้องการของระบบ EV และระบบอัตโนมัติในโรงงานพุ่งสูง รวมถึงการกลับมาของการลงทุนใน Data Center ขนาดใหญ่ และความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ให้สามารถรองรับกับระบบ AI และ Machine Learning จึงส่งผลให้เซมิคอนดักเตอร์กลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพมากที่สุดแห่งยุค

    หุ้น Semiconductor คือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตชิปเซต

    มัดรวมหุ้นกลุ่ม Semiconductor ที่น่าสนใจ

    1. Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC)

    หุ้น Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือหุ้น TSMC เป็นหุ้นของผู้ผลิตชิปแบบรับจ้างรายใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตชิปให้กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลกที่ไม่ได้ออกแบบเอง จุดแข็งอยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตระดับสูง เช่น 5nm และ 3nm ซึ่งเป็นพื้นฐานของนวัตกรรมในยุค AI และอุปกรณ์อัจฉริยะ

    2. Analog Devices (ADI)

    ADI เชี่ยวชาญด้านวงจรแอนะล็อกและ Mixed-Signal ICs ซึ่งใช้แปลงสัญญาณจากโลกจริงให้กลายเป็นข้อมูลดิจิทัล ทั้งยังมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ และ AI พร้อมพอร์ตผลิตภัณฑ์หลากหลายครอบคลุมทั้งเซนเซอร์และ Signal Processing ส่งผลให้หุ้น ADI เป็นหนึ่งในหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่น่าจับตามองอีกหนึ่งตัว

    3. Nvidia (NVDA)

    Nvidia คือผู้นำด้าน GPU และแพลตฟอร์มการประมวลผล AI ระดับโลก มีบทบาทสำคัญในศูนย์ข้อมูลและเทคโนโลยี Deep Learning เชี่ยวชาญด้านการสร้าง Ecosystem แบบครบวงจรทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์นักพัฒนาและองค์กรทั่วโลก

    4. Broadcom (AVGO)

    บริษัทชั้นนำในการพัฒนาโซลูชันด้านเซมิคอนดักเตอร์และซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร โดยเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย การสื่อสาร และความปลอดภัย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการซื้อกิจการซอฟต์แวร์ (VMware) ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านโซลูชันครบวงจรของบริษัทได้เป็นอย่างดี

    5. Advanced Micro Devices (AMD)

    ผู้ออกแบบชิปประมวลผล (CPU) และกราฟิก (GPU) สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ศูนย์ข้อมูล เกมมิง และ AI โดยใช้โมเดล Fabless คือออกแบบแต่ไม่ผลิตเอง ทำให้ได้ชิปประสิทธิภาพสูง จึงได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานจำนวนมาก

    6. ASML Holding NV (ASML)

    ASML คือบริษัทแห่งเดียวในโลกที่ผลิตเครื่อง EUV Lithography ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตชิปขั้นสูงให้กับบริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำ ปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง และถือเป็นหนึ่งในผู้กำหนดทิศทางเทคโนโลยีการผลิตชิประดับโลกก็ว่าได้

    การลงทุนในกองทุนหุ้น Semiconductor

    สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่เน้นหุ้นเซมิคอนดักเตอร์เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากกองทุนเหล่านี้มักลงทุนในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก เช่น VanEck Semiconductor ETF (SMH) และ iShares Semiconductor ETF (SOXX) ทำให้นักลงทุนได้เปรียบในหลายด้าน ดังนี้

    • กระจายความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ : กองทุนเหล่านี้มักลงทุนในบริษัทเซมิคอนดักเตอร์หลายแห่งทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่ผู้ผลิตชิปแบบ Foundry, ผู้ออกแบบ GPU/CPU, ผู้พัฒนาอุปกรณ์การผลิต ไปจนถึงซัพพลายเออร์เฉพาะทาง ช่วยบริหารความเสี่ยงให้พอร์ตลงทุนได้
       
    • บริหารจัดการโดยมืออาชีพ : กองทุนเหล่านี้มีผู้จัดการกองทุนคอยบริหาร ใช้ดัชนีอ้างอิงที่มีการคัดเลือกหุ้นตามเกณฑ์ชัดเจน นักลงทุนจึงไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์หุ้นรายตัว และกองทุนจะมีการปรับพอร์ตตามสภาพตลาดหรือเกณฑ์ของดัชนีด้วย
       
    • เข้าถึงหุ้นระดับโลก : นักลงทุนสามารถร่วมลงทุนกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำอย่าง TSMC, Nvidia, Broadcom, ASML และ AMD ได้ภายในกองทุนเดียว โดยเฉพาะในกองทุน ETF ต่างประเทศ

    หากคุณสนใจลงทุนในหุ้นเซมิคอนดักเตอร์หรือกองทุนรวมต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ กับบริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในกลุ่มบริษัท PhillipCapital จากสิงคโปร์ ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี มีเครือข่ายใน 5 ทวีป 15 ประเทศทั่วโลก พร้อมช่วยให้คำแนะนำในการดำเนินการทุกขั้นตอน ด้วยประสบการณ์ดำเนินธุรกิจในไทยนานกว่า 27 ปี เราให้บริการเปิดพอร์ตหุ้นต่างประเทศและเทรดหุ้นใน 13 ตลาดทั่วโลก จะลงทุนหุ้นอเมริกา ฮ่องกง สิงคโปร์ และอีกหลากหลายประเทศก็ทำได้สะดวก สามารถเลือกถือเงินได้หลายสกุล เปิดบัญชีผ่านออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ https://aoo.poems.in.th/account/login/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์ 02-635-3055 มีเจ้าหน้าที่ซัพพอร์ตคนไทยให้บริการ 24 ชั่วโมง (จันทร์-ศุกร์) และที่ LINE Official: @PhillipGlobal

    นอกจากนี้ คุณยังสามารถเริ่มต้นลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐและกองทุนรวมต่างประเทศกับ PhillipCapital ได้ง่าย ๆ เริ่มต้นเพียง 1 USD หรือ 50 บาทสำหรับการลงทุนในหุ้นสหรัฐ และ DCA กองทุนต่างประเทศรายเดือน เริ่มต้นที่ 500 บาท พร้อมบริการแชตให้คำปรึกษาและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ครบจบภายในแอปพลิเคชันเดียว

    ดาวน์โหลดแอป Pocket: หุ้นไทย หุ้นนอก กองทุน บน App Store และ Google Play ฟรีได้แล้ววันนี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน LINE Official: @phillipdc หรือโทร. 02-153-9221

    *การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

    TAGS: