ลงทุนกองทุนรวมสำหรับมือใหม่: สู้เงินเฟ้อ สร้างพอร์ตระยะยาว
เคยคิดกันบ้างไหมว่า ถ้าเงิน 10,000 บาทที่เก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์มา 10 ปี จะมีกำลังซื้อเท่าเดิมหรือไม่เมื่อเวลาผ่านไป ? คำตอบที่น่าจะเป็นจริงมากที่สุดคือ “ไม่” เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อจะกัดกินมูลค่าของเงินอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ดอกเบี้ยเงินฝากที่เราหวังว่าจะได้ก็แทบไม่เพียงพอต่อการชดเชยภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น การลงทุนกองทุนรวมจึงกลายเป็นหนึ่งใน “ทางรอด” สำหรับคนที่มีเงินไม่มาก แต่ต้องการให้เงินเติบโตและสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน มีเงินเดือน 15,000-25,000 บาท หรือเป็นคนที่ไม่มีเวลาดูหุ้นทุกวัน การลงทุนกองทุนรวมคือในทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

1. กองทุนรวมคืออะไร ?
กองทุนรวมคือ เครื่องมือในการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ผู้ลงทุนหลายคนนำเงินลงทุนมารวมกันและมอบหมายให้มืออาชีพเป็นผู้บริหารจัดการ ซึ่งก็คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการลงทุนและได้รับใบอนุญาต จาก ก.ล.ต. เพื่อให้เงินก้อนนั้นไปถึงจุดหมายปลายทางที่นักลงทุนคาดหวังไว้
กล่าวง่าย ๆ ก็คือ นักลงทุนซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน แล้วบริษัทจัดการจะนำเงินไปลงทุนในตราสารต่าง ๆ ตามนโยบายของแต่ละกองทุน โดยผลกำไรหรือขาดทุนจะถูกแบ่งตามสัดส่วนหน่วยลงทุนที่ถือครอง
ประเภทของกองทุนรวม
ประเภทของกองทุนรวมแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่:
- กองทุนรวมหุ้น เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียน เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและยอมรับความเสี่ยงได้ ระยะเวลาลงทุนแนะนำอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป
- กองทุนรวมพันธบัตร ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน ให้ผลตอบแทนคงที่ ความเสี่ยงต่ำกว่ากองทุนหุ้น เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง
- กองทุนรวมผสม ลงทุนทั้งหุ้นและพันธบัตรในสัดส่วนที่เหมาะสม เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่
ข้อดีของกองทุนรวม
ข้อดีสำคัญของกองทุนรวมสำหรับมือใหม่ ได้แก่:
- เริ่มต้นง่าย – ลงทุนได้ตั้งแต่ 1,000 บาท ไม่ต้องมีเงินก้อนใหญ่ก็เริ่มต้นซื้อกองทุนรวมได้
- มีผู้เชี่ยวชาญดูแล – บริษัทที่บริหารจัดการมีทีมวิเคราะห์มืออาชีพคอยดูแลให้ ไม่จำเป็นต้องนั่งวิเคราะห์หุ้นเองทุกวัน
- กระจายความเสี่ยง – กองทุนรวมมีการนำเงินไปลงทุนในหลายบริษัท กระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าการซื้อหุ้นตัวเดียว
2. ทำไมกองทุนรวมถึงดีกว่าเงินฝากธนาคาร ?
การฝากเงินธนาคารในปัจจุบันให้ดอกเบี้ยเพียง 0.5-1% ต่อปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 2-3% ต่อปี หมายความว่าเงินของคุณกำลังสูญเสียกำลังซื้ออยู่ตลอดเวลา ในทางตรงกันข้าม กองทุนรวมหุ้นไทยคุณภาพดีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8-12% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อมาก
การลงทุนกองทุนรวมแบบ DCA จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว ตัวอย่างเช่น การลงทุน 3,000 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 15 ปี หากได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี จะมีมูลค่ารวมประมาณ 1 ล้านบาท จากเงินลงทุนเพียง 540,000 บาท นี่คือเหตุผลที่การลงทุนกองทุนรวมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการฝากเงินธนาคารสำหรับการเอาชนะเงินเฟ้อและสร้างความมั่งคั่งระยะยาว
3. อยากซื้อกองทุนรวม เริ่มยังไงดี ?
3.1 การเตรียมตัวก่อนลงทุนกองทุนรวมสำหรับมือใหม่
การวางแผนการเงินที่เหมาะสมเป็นรากฐานสำคัญของการลงทุนกองทุนรวมที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งนักลงทุนควรดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
- วิเคราะห์ฐานะการเงินส่วนบุคคล: เริ่มต้นด้วยการประเมินกระแสเงินสดรายเดือนอย่างละเอียด รวมถึงรายได้สุทธิและค่าใช้จ่ายคงที่ทั้งหมด จากนั้นจัดสรรเงินสำรองฉุกเฉินให้ครบ 3-6 เท่าของรายจ่ายรายเดือน เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เงินส่วนที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายและเงินสำรองจะเป็นเงินที่เหมาะสมสำหรับการนำไปลงทุน
- กำหนดวัตถุประสงค์การลงทุน: นักลงทุนควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และสามารถวัดผลได้ เพื่อช่วยให้การเลือกกองทุนมีทิศทางที่แน่นอน ตัวอย่างเช่น วางแผนเตรียมเงินดาวน์ซื้อบ้านภายใน 10 ปี การสะสมเงินทุนการศึกษาบุตร หรือเตรียมความพร้อมทางการเงินสำหรับการเกษียณอายุ จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ในแต่ละวัตถุประสงค์จะมีระยะเวลาและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน
- ประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้: ความสามารถในการรับความเสี่ยงเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกประเภทกองทุน เช่น หากมูลค่าการลงทุนลดลง 20-30% ในระยะสั้น ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจหรือการตัดสินใจทางการเงินของเรา แสดงให้เห็นว่าควรพิจารณากองทุนที่มีความผันผวนต่ำกว่า

3.2 การเลือกกองทุนรวมที่เหมาะสม
อ่าน Fact Sheet ก่อนซื้อกองทุนทุกครั้ง
การเลือกกองทุนต้องเริ่มจากการอ่านข้อมูล Fact Sheet ซึ่งเป็นเอกสารสรุปข้อมูลสำคัญของกองทุน โดยสิ่งที่ควรดูใน Fact Sheet มีหลัก ๆ ดังนี้:
- นโยบายการลงทุน – ศึกษาว่ากองทุนลงทุนในหุ้น พันธบัตร หรือผสมผสาน และสัดส่วนการลงทุนเป็นอย่างไร
- ผลตอบแทนย้อนหลัง – วิเคราะห์ผลงาน 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี เพื่อประเมินศักยภาพระยะยาว
- ความผันผวน (Standard Deviation) – ตัวชี้วัดความเสี่ยง เลือกให้เหมาะกับความสามารถรับความเสี่ยง
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ – เปรียบเทียบและเลือกกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมสมเหตุสมผล
- ค่าธรรมเนียมซื้อ-ขาย – พิจารณาต้นทุนการซื้อขายเพื่อคำนวณผลตอบแทนสุทธิ
เปรียบเทียบกองทุนอย่างมืออาชีพ
- ดูผลตอบแทนระยะยาว – เปรียบเทียบอย่างน้อย 3-5 ปี เพื่อเห็นภาพรวมที่ชัดเจน
- เทียบกับดัชนีอ้างอิง – เลือกกองทุนหุ้นไทยที่ทำผลงานดีกว่า SET Index
- ดูความสม่ำเสมอ – กองทุนที่ให้ผลตอบแทนคงที่มีเสถียรภาพดี
- พิจารณาผลงานหลายช่วงเวลา – ดูผลงานในหลายปีเพื่อประเมินความสามารถจริง
- เช็กประวัติผู้จัดการกองทุน – ผู้บริหารจัดการที่มีประสบการณ์ยาวนานมักสร้างผลงานได้ดี
4. ลงทุนกองทุนรวมฉบับมือใหม่ ต้องรู้อะไรบ้าง ?
4.1 ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง
- การซื้อขายบ่อย (Market Timing) – การพยายามจับจังหวะตลาดเป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังทำได้ยาก อีกทั้งการซื้อขายบ่อยยังจะทำให้เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นและลดผลตอบแทน
- การลงทุนเงินก้อนเดียวทั้งหมด – หากซื้อในจังหวะราคาสูงจะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยสูง การแบ่งเงินลงทุนเป็นงวดจะช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่า
4.2 วิธีการลงทุนกองทุนรวมให้ประสบความสำเร็จ
- Dollar Cost Averaging (DCA) – เป็นวิธีลงทุนกองทุนรวมในจำนวนเงินคงที่เป็นประจำ เช่น 1,000-3,000 บาทต่อเดือน วิธีนี้จะช่วยให้ซื้อหน่วยลงทุนได้มากเมื่อราคาต่ำ และน้อยเมื่อราคาสูง ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ในระดับที่เหมาะสม
- การกระจายความเสี่ยง – ลงทุนในกองทุนหลายประเภท เช่น กองทุนหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และพันธบัตร จะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่ตลาดใดตลาดหนึ่งปรับตัวลงมาก
- การวางเป้าหมายระยะยาว – ควรตั้งเป้าหมายอย่างน้อย 5-10 ปี จะช่วยให้ผ่านพ้นความผันผวนระยะสั้นและได้รับผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลจากการเติบโตของตลาด
5. ความเสี่ยงและข้อควรระวังในการลงทุนกองทุนรวม
ความเสี่ยงหลักที่ต้องเข้าใจ
ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือความผันผวนของตลาด ราคาหน่วยลงทุนจะขึ้นลงตามสภาวะตลาด การเมือง และเศรษฐกิจโลก ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ไม่คาดคิด เช่น โควิด-19 ราคากองทุนอาจลดลงมากกว่า 30% ในระยะสั้น
หลักการบริหารความเสี่ยงสำหรับมือใหม่
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใช้เงินที่พร้อมลงทุนระยะยาว ไม่ใช่เงินที่ต้องใช้ในระยะสั้น ทั้งยังควรกระจายการลงทุนในหลายกองทุนเพื่อลดความเสี่ยง นอกจากนี้ ยังควรทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญคือรักษาสติและความใจเย็นให้นิ่ง ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นราคาลดลง หากยังอยู่ในช่วงลงทุนตามแผน การลดลงของราคาถือเป็นโอกาสในการซื้อเพิ่ม
เริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวม ผ่านแอป Phillip Fund SuperMart Plus
หากคุณพร้อมที่จะเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวม สามารถซื้อกองทุนรวมกับบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในกลุ่มบริษัท PhillipCapital จากสิงคโปร์ ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี มีเครือข่ายใน 5 ทวีป 15 ประเทศทั่วโลก ผ่านแอป Phillip Pocket สามารถเลือกซื้อได้ทั้งกองทุนรวมทั่วไป และกองทุนรวมลดหย่อนภาษี เลือกกองทุนได้หลากหลาย ซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยน ได้ถึง 21 บลจ. ครบ จบ ในที่เดียว ดาวน์โหลดได้ทั้ง APP STORE และ Google Play หรือติดต่อผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำการลงทุนที่ โทร 02 153 9221 หรือ Line Official: @phillipdc
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

ข้อมูลอ้างอิง
ยุคเงินเฟ้อ สู้ด้วยกองทุนรวมแบบไหนดี ?!?!. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 จาก https://www.finnomena.com/tisco-wealth-advisory/funds-against-inflation/
